ตลอดเวลาผ่านมา นับจากนวนิยายเรื่อง “พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ” ซึ่งมี “วีรพร นิติประภา” เป็นผู้เขียน ตีพิมพ์ออกมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 ผ่านมา
เธอถูกสัมภาษณ์บ่อยครั้ง
ทั้งนั้นอาจเป็นเพราะก่อนหน้านั้นราวปี 2558 เธอเคยคว้ารางวัลซีไรต์จากนวนิยายเรื่อง “ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต” มาก่อน จึงทำให้เธอถูกจับตามอง
จนทำให้เธอมีแฟนคลับระดับหนึ่ง
ดังนั้น เมื่อเธอแสดงความคิดเห็นอะไร ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ ครอบครัว และการทำงานทางด้านก๊อบปี้ไรเตอร์จากบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง จึงทำให้ทุกถ้อยคำที่เธอพูดมีคนสนใจ
ซึ่งเหมือนกับครั้งหนึ่งที่เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายฉบับว่ามูลเหตุในการเขียนนวนิยายเรื่อง “พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ” มาจากการมองเห็นความขัดแย้งทางการเมืองบริเวณถนนราชประสงค์
เธอตั้งคำถามกับเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า…ถ้าเวลาผ่านไปจนกลายเป็นประวัติศาสตร์ เหตุการณ์ครั้งนั้นจะมีความจริงซ่อนอยู่สักกี่เปอร์เซ็นต์
“วีรพร” บอกว่า ทุกประวัติศาสตร์ต่างมีความพร่าเลือน
ไม่มีความถูกต้องครบถ้วน
และไม่เฉพาะแต่ประเทศไทยเท่านั้น
หากทุกๆ ประเทศในโลกใบนี้ก็เป็นเช่นนั้น ซึ่งเหมือนกับที่เธอบอกว่า…ครั้งหนึ่งทุกคนพยายามตามหาหมุดหมายทางประวัติศาสตร์จากเหตุการณ์ปฏิวัติสยามเมื่อปี 2475
จนกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์
กระทั่งวันหนึ่งเธอมีโอกาสเดินทางไปเที่ยวเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เธอพบหมุดมากมายเรียงรายอยู่ริมฟุตปาธ ซึ่งหมุดดังกล่าวแสดงออกถึงเหตุการณ์ฆ่าหมู่ชาวยิว ณ ค่ายกักกันเอาชวิตซ์ ที่ตระกูลของพวกเขาต่างมีอาชีพช่างทำรองเท้า ช่างทำกรรไกร และอื่นๆ
“วีรพร” ตั้งคำถามว่าหากชาวยิวรุ่นใหม่มาเห็นหมุดเหล่านี้พวกเขาจะรู้สึกเช่นไร จนพบคำตอบว่าพวกเขากลับไม่รู้สึกโกรธแค้น ไม่รู้สึกกล่าวโทษผู้ปกครองบ้านเมืองขณะนั้น เพราะพวกเขาต่างมีความเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นความผิดพลาดของมนุษย์ ที่จะต้องเรียนรู้ร่วมกัน
อันเป็นสังคมปัจจุบัน
แต่กระนั้น ถ้าไปอ่านบันทึกประวัติศาสตร์อาจมีเรื่องเล่าในอีกแบบหนึ่ง อาจเอนไปทางซ้าย หรือเอนไปทางขวา ซึ่งหาความจริงไม่ได้เลย
เนื่องจากตัวละครที่อยู่ในประวัติศาสตร์จริง ถูกดินฝังกลบหน้าจนสิ้นลมหายใจเสียแล้ว
ในประวัติศาสตร์ไทยก็เช่นกัน
“วีรพร” มีความเชื่อดุจเดียวกันว่าทุกบรรทัดของประวัติศาสตร์ไม่ว่าสมัยใดก็ตาม ย่อมมีความจริงซ่อนอยู่อย่างพร่าเลือน
ผู้ชนะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์
ซึ่งแม้เธอจะไม่เชื่อทั้งหมด แต่กระนั้นก็ทำให้เธอฉุกคิดว่าหากจะนำเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาต่อจิ๊กซอว์ให้เข้ากับครอบครัวของคนจีนที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในสยามประเทศ
น่าจะเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ
แม้จะไม่ถูกต้องทั้งหมด
แต่กระนั้น การขยายความเชื่อจากความทรงจำที่แหว่งวิ่นของตัวละครในมิติต่างๆ ก็น่าจะมีความน่าสนใจ ไม่ต้องเล่าทั้งหมด ไม่ต้องเล่าความจริงอย่างเลือกข้าง
ค่อยๆ เล่า
อาจหลงลืมบ้าง
ข้ามๆ ไปบ้าง
หรือจดจำไม่ได้บ้าง
เพราะทั้งหมดคือความเป็นจริงของมนุษย์ที่ทุกคนมีโอกาสจดจำแค่เพียงบางอย่าง ซึ่งไม่จำเป็นหรอกที่จะต้อง
เป็นเรื่องดีๆ เสม อไป
จดจำเรื่องชั่วร้ายบ้างก็ได้
“วีรพร” พยายามมุ่งประเด็นตรงนี้และพยายามสร้างสรรค์งานวรรณกรรมคอลลาจออกมาเพื่อให้เกิดภาพอย่างสมบูรณ์ จนที่สุดจึงปรากฏนวนิยายเรื่อง “พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ” ขึ้นมา
หากใครยังไม่เคยอ่าน ต้องลองไปหาอ่านดู
แล้วคุณจะพบคำตอบเองว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงได้รางวัลซีไรต์ประจำปี 2561