วันที่ 14 กรกฎาคม 2562 จะเป็นวันครบรอบ 21 ปี ในการตั้งพรรคไทยรักไทย เมื่อปี2541 เรื่อยมาถึงพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ซึ่งทั้งพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนต่างมีชะตากรรมไม่ต่างกันที่ถูกยุบพรรคและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แม้สิ่งที่ทั้ง 3 พรรคเหมือนกันคือชนะการเลือกตั้ง แต่แตกต่างกันที่สภาวะบ้านเมืองในแต่ละยุค ภายใต้ 3 รัฐธรรมนูญ ได้แก่ รัฐธรรมนูญปี2540 ปี 2550 และปี 2560 มีการทำรัฐประหาร 2 ครั้ง
ภายหลังการทำรัฐประหารรัฐบาลทักษิณ 19 กันยายน 2549 ในยุค คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทย ทำให้มีการตัดสิทธิ์ทางการเมือง ในนามบ้านเลขที่ 111 ขึ้น
จากนั้นสภาวะบ้านเมืองในยุครัฐธรรมนูญปี2550 เกิดปรากฏการณ์พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาล แต่สุดท้ายพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ถูกยุบพรรค ทำให้ 2 นายกฯ ได้แก่ นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่มีอายุรัฐบาลรวมไม่ถึง 1 ปี ต้องจบไป ตามาด้วยการตัดสิทธิ์ทางการเมืองในนาม บ้านเลขที่ 109
จากนั้นพรรคเพื่อไทยต้องไปเป็นฝ่ายค้านในสภายุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ก็กลับมาผงาดอีกครั้งชนะการเลือกตั้งปี2554 จัดตั้งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สำเร็จ เรียกได้ว่า ‘ทักษิณยังสู้ต่อ’ แบบชัดเจน ส่งน้องสาวมาชิงเก้าอี้นายกฯ แต่สุดท้ายก็สะดุดขาตัวเอง เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว จาก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย กลุ่ม กปปส. ออกมาชุมนุมยืดเยื้อกว่า 6 เดือน แม้รัฐบาลจะยุบสภาและจัดเลือกตั้งใหม่ แต่ทุกอย่างไม่จบ การเลือกตั้งกลายเป็นโมฆะ จนสถานการณ์สุกงอม ทำให้เกิดการรัฐประหาร 22พ.ค.2557 เป็นช่วง 3 ปีที่ พรรคเพื่อไทยผงาดสูงสุดและลงต่ำสุด
การเข้ามาของ คสช. นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นผู้นำรัฐประหารและนั่งควบนายกฯด้วยตำเอง อยู่ในอำนาจมานานกว่า 5 ปี ก็ทำให้โครงสร้างและดุลอำนาจทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไปในยุคเปลี่ยนผ่าน ชะตากรรมของนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ต่างจากพี่ชายนายทักษิณ ที่ต้องหลบหนีออกนอกประเทศ
สุดท้ายบ้านเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญ ปี2560 พล.อ.ประยุทธ์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นตัวละครใหม่ทางการเมือง มาพร้อมปรากฏการพรรคท้าชน คสช. อย่างพรรคอนาคตใหม่ เป็น 2 พรรคน้องใหม่ไฟแรง ทำเอา 2 พรรคขั้วอำนาจเก่าอย่าง พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ มีอาการหนาวๆร้อนๆ ไปตามๆกัน
แม้พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งมาเป็นลำดับที่ 1 ได้เก้าอี้ ส.ส.มากที่สุด แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาล ทำให้พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้เก้าอี้ ส.ส. มาลำดับที่ 2 แต่ได้ Popular Vote มาลำดับที่ 1 ได้จัดตั้งรัฐบาลแทน แต่เป็นรัฐบาล 19 พรรค กลายเป็นสภาปริ่มน้ำ ที่ฝ่ายรัฐบาลมีเก้าอี้เพียง 254 ที่นั่งเท่านั้น และเป็นอีกยุคที่ฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย ไมได้ส.ส.ฝีปากกล้าเข้าสภา เพราะพรรคไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แม้แต่คนเดียว ถือเป็นอิทธิฤทธิ์ของ รัฐธรรมนูญ 2560 ที่ออกแบบไว้ จึงต้องจับตาว่าพรรคเพื่อไทยจะกลับมาผงาดได้อีกหรือไม่ อยู่ในสภาวะ ‘คลุกหลาน’ เช่นนี้ หลังผ่านสถานการณ์ที่ทั้ง ‘ล้ม’ และ ‘ลุก’ มาตลอด 21 ปี
ส่วนกระแสข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะวางมือทางการเมืองนั้น ก็ไม่มีใครสามารถคอนเฟิร์มได้ อยู่ที่นายทักษิณคนเดียวจะออกมาชี้แจงเมื่อใด หลังเงียบหายมา 3 เดือน และปีนี้ปิดบ้านฉลองวันเกิด วันที่ 26 กรกฎาคม ที่จะมีอายุครบ 70 ปี ขอกับครอบครัวที่ดูไบเท่านั้น
อย่างไรก็ตามก็มีการมองว่าสุดท้ายแล้วนายทักษิณ อาจเป็น ‘เสือซุ่ม’ ที่คิดทำการใหญ่ใดหรือไม่ หลังเคยทุ่มสุดตัวกับปรากฏการณ์ ‘แคนดิเดตนายกฯ’ ของพรรคไทยรักษาชาติมาแล้ว ที่ทำให้เสียศูนย์และทำให้พรรคเพื่อไทยมาถึงจุดคลุกหลานอีกครั้ง แต่อีกมุมในฐานะปุถุชนคนหนึ่ง อายุ 70 ปี ที่ถึงเวลาทบทวนเรื่องราวต่างๆในชีวิตและมีข้อจำกัดด้านสุขภาพมากขึ้น ก็อาจเป็นปัจจัยที่นายทักษิณจะลดบทบาทก็ได้ แต่จะถึงขั้นวางมือเลยหรือไม่นั้น หากดูจากไทม์ไลน์ 3 พรรค 3 ยุครัฐธรรมนูญ ก็จะเห็นคำตอบเอง
