เรียงคนมาเป็นข่าว/ภาพข่าวสังคม

⦁…หากมองไม่เห็นว่าเป็นธรรมดาของ “ทีมบริหารประเทศที่ทำงานมา 6 ปี แล้วไม่มีผลงานอะไรน่าประทับใจ” แถมซ้ำด้วย “ถ้อยคำที่มองไม่เห็นชาวบ้านชาวช่องอยู่ในสายตา” เพราะ “เคยชินกับการมีอำนาจแบบไม่ต้องแคร์ประชาชน” เมื่อถึงวันที่ประชาชนสัมผัสบรรยากาศ “ประชาธิปไตย” มากขึ้น จนรู้สึก “กล้าพอที่จะวิพากษ์วิจารณ์อำนาจรัฐ” ไม่ว่า “นายกรัฐมนตรี” หรือ “รัฐมนตรี” ย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้องเครียด เมื่อต้องเจอกับ “คำไม่ไว้หน้า ไม่เกรงใจ” มากขึ้น ซึ่งจะเครียดไปจนกว่าจะทำใจได้ว่า “นี่คือประชาธิปไตย ที่ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจ ย่อมทรงสิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์”

⦁…และหากมีจิตใจที่พร้อมให้ “ความเป็นธรรม” กับประชาชนสักหน่อย ย่อมเข้าใจได้ไม่ยากว่า ที่เสียงสะท้อนต่อการทำงานของรัฐบาล “หยาบและแรง” ขึ้นนั้น เหตุเพราะ “ผลงานที่ผ่านมาไม่มีความประทับใจให้เกิดความรู้สึกเกรงกลัวว่าจะสูญเสียมือบริหารแบบนี้ไป” เมื่อเกิดความคิดที่ว่า “ไม่มีทีมบริหารประเทศแบบนี้ก็ไม่เห็นเดือดร้อน” หรือในบางคนที่เชื่อว่า “ออกไปเสียได้ประเทศจะมีความหวังในการพัฒนาขึ้นมาบ้าง” ย่อมไม่แปลกอะไรที่ผู้คนจะระบายความอึดอัดออกมา

⦁…หากต้องการให้ประชาชน “เกรงอก เกรงใจ” ระมัดระวังที่จะไม่วิพากษ์วิจารณ์ด้วย “คำแรง และไม่ไว้หน้า” หนทางเดียวคือ “เร่งสร้างผลงานให้เกิดความประทับใจ” ทำให้ “ประชาชนรู้สึกเสียดายที่จะสูญเสียรัฐบาลแบบนี้” และต้องเข้าใจสัจธรรมว่า “ความเชื่อถือศรัทธา” นั้น ไม่ได้มาจาก “การเรียกร้องเอา” หรือ “การพูดให้คนเชื่อ” แต่เกิดจาก “กระทำให้เห็น” ในบรรยากาศของประชาธิปไตย ที่กระตุ้นให้กล้าวิพากษ์วิจารณ์ จะ “หยุดยั้งการแสดงออก ด้วยการทำให้กลัว” ย่อมยากกว่า “ยุคสมัยที่อำนาจเต็ม”

⦁…ที่น่าเห็นใจคือ “รัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล” ทั้งที่มาจากการเลือกตั้ง แต่เมื่อเกิดความเคยชินกับการเห็น “เพื่อนร่วมคณะรัฐมนตรี” โดยเฉพาะ “คนที่ใหญ่กว่า” แสดง “อำนาจบาตรใหญ่” เพราะติดกับความเคยชินเก่าๆ แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น เลยพลอยแสดงแบบนั้นตามไปบ้าง โดยลืมนึกไว้ว่า “ภูมิต้านทานการปฏิเสธ มีไม่เท่านักการเมืองที่ไม่จำเป็นต้องแคร์ประชาชน”

⦁…ก่อนเข้าร่วมรัฐบาล และหลังเข้าร่วมแรกๆ อนุทิน ชาญวีรกูล ถือว่าแรงมากในความหวังระดับเป็น “ตัวเลือกของผู้นำประเทศ” ด้วยความเป็น “หัวหน้าพรรคที่ยืนหยัดในสายจากการเลือกตั้งมายาวนาน” ซึ่งอยู่ใน “ซีกรัฐบาล” ขณะที่ “ประชาธิปัตย์” ทรุดลงเรื่อยๆ จึงเกิดความเชื่อว่าหากถึงวาระที่ต้องการ “ผู้นำพลเรือน” ชื่อชั้น “ผู้บริหารธุรกิจใหญ่” จะส่งให้โดดเด่นได้ไม่ยาก น่าเสียดายที่ “เวลา” ซึ่งเป็น “เครื่องพิสูจน์” ดูจะนำพา “อนุทิน” ไปอีกทาง จึงได้แต่เอาใจช่วยให้ “คืนเส้นทางเดิม” ได้ก่อนจะไปไกลจน “กลับไม่ถูก”

⦁…พูดถึง “ประชาธิปัตย์” ที่ ส.ส.กลุ่มหนึ่งที่เปิดหน้าเล่นโดย อันวาร์ สาและ จาก “ปัตตานี” หนึ่งเดียวที่เหลือใน “ส.ส. 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของพรรค” ด้วย “หนังสือเรียกร้องให้พรรคปฏิรูปก่อนสิ้นสลาย” ฟังมาว่า ในหนังสือที่ส่งอย่างเป็นทางการถึงพรรคใช้ “คำแรง” ระดับ “พร้อมแตกหัก” นั้น กลับมีเพื่อนร่วมพรรคไม่น้อยที่เห็นด้วย เพราะ “อนาคตของพรรคยามนี้ชวนให้มวลสมาชิกหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย”

⦁…ที่แวดวงกำลังจับตากันคร่ำเคร่ง คือ “ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี 6 คน” ซึ่งจะเข้าสู่วาระของสภาผู้แทนราษฎรปลายเดือนนี้ แต่ข่าวที่กระตุ้นความสนใจ กลับเป็นงานนี้ “จะเป็นแค่การแสดงตามวาระของพรรคฝ่ายค้าน” หรือไม่ เพราะแว่วมาว่า “มีเสียงโทรศัพท์ถึงดาวสภาทั้งหลายกันจ้าละหวั่น” จนเกิดความสงสัยว่า “โอกาสโก่งค่าแสดงมีมาแล้ว จะฉวยกันไว้หรือไม่”

ชโลทร

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่