ไทย-ปากีสถาน ใจตรงเร่งปิดเจรจาเอฟทีเอ ปลื้มการค้า2ฝ่ายโตปีละ12%

ที่กระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึงการหารือกับนายอะศิม อิฟติคัร อะห์หมัด เอกอัครราชทูตปากีสถานประจำประเทศไทย ผ่านระบบประชุมทางไกล เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ว่า สองฝ่ายเห็นว่าควรเร่งการเจรจาเอฟทีเอไทย-ปากีสถาน ที่เริ่มเจรจากันมาตั้งแต่ปี 2558 ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ภาคเอกชนของไทยและปากีสถานสามารถใช้ประโยชน์จากการเปิดตลาด ลดและยกเลิกภาษีระหว่างกันได้ โดยเฉพาะหากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป มีผลใช้บังคับ จะช่วยหนุนให้สินค้าศักยภาพของทั้งสองประเทศ มีโอกาสขยายตลาดในภูมิภาคมากขึ้น

นางอรมน กล่าวว่า ไทยและปากีสถาน เริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงเอฟทีเอ ไทย-ปากีสถาน อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2558 โดยที่ผ่านมาจัดประชุมเจรจาไปแล้ว 9 ครั้ง และสามารถเจรจา รายละเอียดในส่วนของข้อบทความตกลงได้เกือบหมดแล้ว คงเหลือการเจรจาเปิดตลาดสินค้า ซึ่งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการปรับปรุงข้อเสนอ

นางอรมน กล่าวว่า ปากีสถานเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีประชากรกว่า 200 ล้านคน เป็นอันดับ 6 ของโลก โดยประชากรกว่า 30 ล้านคน เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และมีทัศนคติที่ดีต่อสินค้าไทย ถือเป็นตลาดศักยภาพของไทย การค้าระหว่างไทยกับปากีสถาน ช่วง 5 ปี2558-62 มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เฉลี่ย 12.7% ต่อปี มีมูลค่า 1,374.48 ล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2563 ปากีสถานเป็นคู่ค้าอันดับ 35 ของไทย และอันดับ 2 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้รองจากอินเดีย

สำหรับ 11 เดือนแรกปี 2563 การค้าระหว่างไทยและปากีสถาน มีมูลค่า 969.06 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกมูลค่า 854.52 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เส้นใยประดิษฐ์ เม็ดพลาสติก เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ เป็นต้น และไทยนำเข้ามูลค่า 114.54 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์ และแร่และผลิตภัณฑ์จากแร่ เป็นต้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image