| ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
|---|
แสงไฟ ฉายจับ
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ฉายจับ ‘กรณ์’
การขยับตัวในทางการเมือง ไม่ว่าของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไม่ว่าของ นายกรณ์ จาติกวณิช อยู่ในแสงแห่งสปอตไลต์
บ่งบอก “กลิ่นอาย” ของ “การเลือกตั้ง
เมื่อมองผ่านแนวทาง “เงาของคน เงาแห่งไม้” ทิศทางของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ทิศทางของ นายกรณ์ จาติกวณิช เด่นชัด
เด่นชัดไปใน “ทิศทาง” ทาง “เศรษฐกิจ”
เพราะ นายกรณ์ จาติกวณิช เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ทำงาน “เศรษฐกิจ” มาอย่าง “ต่อเนื่อง”
เมื่อประสานกับวิกฤตที่สังคมประเทศไทยประสบตั้งแต่รัฐประหารเดือนกันยายน 2549 และรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ก็สอดคล้อง
ต้องการ “มือเศรษฐกิจ” มาบริหาร “จัดการ”
หากเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ระหว่าง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กับ นายกรณ์ จาติกวณิช ก็สัมผัสได้ในความเหมือนและความต่าง
เหมือนตรงที่ศึกษามาทางด้าน “เศรษฐกิจ” และ “ธุรกิจ”
เพียงแต่คนหนึ่งวางน้ำหนักไปยัง “เศรษฐศาสตร์” โดยตรง ขณะที่อีกคนหนึ่งวางน้ำหนักไปยังเศรษฐกิจด้าน “การตลาด”
ต่างตรงที่คนหนึ่งมาจาก “อังกฤษ” คนหนึ่งมาจาก “อเมริกา”
ต่างตรงที่คนหนึ่งเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อีกคนหนึ่งเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร
คนไหน “สำเร็จ” คนไหน “ล้มเหลว” รู้กันดี
ยิ่งกว่านั้น กล่าวสำหรับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เคยทำงานร่วมกับทั้ง นายทักษิณ ชินวัตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตรงนี้แหละที่สำคัญและทรงความหมาย
ความหมายสำหรับประสบการณ์และบทเรียนของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไม่เพียงแต่เป็นความหมายจากด้านแห่งความสำเร็จ
หากด้านที่ “ล้มเหลว” ก็มีความสำคัญ
สำคัญอย่างยิ่งยวดก็คือ จุดต่างในการเป็น “นายกรัฐมนตรี” ของ นายทักษิณ ชินวัตร กับของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
คนฉลาดระดับ “สมคิด” ย่อมมี “สำเหนียก”
สำเหนียกว่าความสำเร็จในฐานะรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร มีผล สำเหนียกว่าความล้มเหลวในฐานะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีผล
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า ย่อมเป็น “บทสรุป”
ในฐานะที่เป็นคน “คิดนอกกรอบ” บนฐานแห่ง “คิดใหม่ ทำใหม่” เสมอมานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ย่อมรู้เป็นอย่างดี
ตรงนี้คือฐานทาง “ความคิด” ซึ่งจะมีผลในทาง “การเมือง”
ยิ่งวันเลือกตั้งย่างเข้ามาใกล้มากเพียงใด ยิ่งมีการเสนอตัวเข้ามาของแต่ละพรรคการเมือง ยิ่งนำไปสู่การเปรียบเทียบ
เป็น “ผลดี” มากกว่า “ผลเสีย”
ไม่ว่าจะมองผ่านจังหวะก้าว นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไม่ว่าจะมองผ่านจังหวะก้าว นายกรณ์ จาติกวณิช
นี่คือสีสันแห่ง “ประชาธิปไตย” อันเพริศแพร้ว
