| ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
|---|
ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเลือกอยู่พรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ
มากด้วย ความเสี่ยง
1 เป็นความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความแตกแยกและแยกตัวครั้งใหญ่ภายในพรรคพลังประชารัฐ
ไป ภูมิใจไทย ไป เพื่อไทย
กำลังพลของพรรคพลังประชารัฐที่เคยได้ 116 จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ก็จะกลายเป็นอดีต
หากตรึงที่จำนวนมากกว่า 25 ได้ก็เก่ง
ขณะเดียวกัน ก็แทบไม่มีความหวังอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะได้ ส.ส.ถึง 25 คน
นี่คือความเป็นจริงที่น่าเจ็บปวด
หลายคนอาจตั้งความหวังไว้ที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค หรือการเข้ามาของ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี
แต่คนเหล่านี้ ยอดเยี่ยม จริงละหรือ
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อาจมีพื้นฐานจากกรุงเทพมหานคร แต่ก็มิได้โดดเด่นเท่ากับ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ด้วยซ้ำ
อย่างน้อย 2 คนนี้ก็พิสูจน์แล้วในเดือนมีนาคม 2562
แม้จะมีชื่อ นายเอกณัฏพร้อมพันธุ์ ดำรงอยู่ในสถานะเลขาธิการพรรคและเคยเป็น ส.ส.กรุงเทพมหานคร
แต่ได้มาอย่างไร คน กทม.ย่อมมีคำตอบ
แล้วการเข้ามาของ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ในฐานะ มือวาง ในทาง เศรษฐกิจ พอจะสร้างความเชื่อมั่นได้หรือไม่
ยังน่าสงสัย
ภาพของ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อาจมีชื่อ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นเครื่องการันตี แต่นั่นก็มิได้เป็นหลักประกัน
เพราะมิได้เป็นเรื่องใหม่ หากเก่าอย่างยิ่ง
หากเกียรติภูมิของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ สามารถสร้างชื่อและชั้นให้กับ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ได้
ทำไมจึงไม่ได้เป็น เบอร์ 1
เพราะภาพในทางเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์คือ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ คือ นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์
แล้วภาพในทางการเมืองเล่า
รากฐานของ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อยู่ที่สงขลา แต่ก็ไม่อาจโดดเด่นได้เมื่อเทียบกับ นายนิพนธ์ บุญญามณี หรือกระทั่ง เดชอิศม์ ขาวทอง
ความเป็นจริงนี้เจ็บปวด แต่ยากยิ่งจะปฏิเสธ
พรรคพลังประชารัฐคือของจริง ไม่ว่ามองผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่ามองผ่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
พิสูจน์มาแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2562
ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติต้องฝากไว้กับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ซึ่งเป็น มือรอง
นี่ย่อมเป็นความลังเลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
