บทนำ : ช่วยอย่างทั่วถึง
ผลกระทบจากการปิดกิจการต่างๆ ทำให้ประชาชนมีปัญหาการดำรงชีวิตมากขึ้น เป็นภาระที่รัฐบาลต้องเร่งเข้าไปแก้ไข บรรเทาความเดือดร้อนอย่างเสมอหน้ากัน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้เสนอข้อมูลและความเห็นว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีแรงงานทั้งหมด 38.4 ล้านคน เป็นแรงงานนอกระบบ ทั้งสิ้น 18.7 ล้านคน อยู่ในภาคบริการ และภาคการผลิต ที่ถือได้ว่าเผชิญกับผลกระทบจากโควิด-19 แบบเต็มๆ รวมกันอยู่ที่ 9.5 ล้านคน รวมกับแรงงานในระบบประกันสังคม ที่ยังไม่ได้รับสิทธิการคุ้มครองการว่างงานอีกประมาณ 5 ล้านคนเศษ หมายความว่า จำนวนประชาชนที่ต้องการการเยียวยามีทั้งสิ้น ประมาณ 14.5 ล้านคน
นายวิโรจน์เสนอว่า ขอให้รัฐบาลทบทวนมาตรการแจกเงิน 9 ล้านคน เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งรัฐบาลต้องใช้งบประมาณ 270,000 ล้านบาท โดยยังมีประชาชนที่เดือดร้อนรอความช่วยเหลืออีกถึง 5.5 ล้านคน ไม่เป็นผลดีต่อการสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกัน ขอให้ใช้วิธีเยียวยาด้วยจำนวนเงิน 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อเยียวยาแบบถ้วนหน้า ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบทุกคน 14.5 ล้านคน ได้รับการเยียวยาโดยทั่วถึงกัน ซึ่งกรณีนี้รัฐบาลจะใช้งบประมาณ 217,500 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าถึง 52,500 ล้านบาท การที่จะรับทราบความเดือดร้อนของประชาชนกลุ่มนี้ไม่ได้ยากเย็นอะไร หากรัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจตามชุมชนหาเช้ากินค่ำ ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนขอรับการเยียวยา ด้วยเหตุที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี ประชาชนคนไทยทุกๆ คนที่เดือดร้อนต้องได้รับการโอบอุ้มเพื่อฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งคนอีก 5.5 ล้านคน ให้ร้องไห้เสียใจอยู่เบื้องหลัง
ความเห็นและข้อมูลจาก ส.ส.พรรคก้าวไกลดังกล่าว เป็นเรื่องที่รัฐบาลน่าจะนำไปตรวจสอบว่ามีประชาชนตกหล่น พลาดโอกาสรับการเยียวยาเป็นจำนวนเท่าไหร่ และต้องถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะในสภาพปัจจุบัน โอกาสสร้างรายได้ของประชาชนในระดับรากหญ้า เท่ากับศูนย์ ขณะที่ความจำเป็นที่จะต้องยังชีพยังเท่าเดิมในสภาพปกติ ส่วนจะแก้ไขด้วยวิธีใด รัฐบาลจะต้องคิดหาหนทางโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะอาจจะต้องทบทวนว่าวงเงินที่จะกู้เพื่อการเยียวยานั้นเพียงพอหรือไม่
