สถานีคิดเลขที่ 12 : ระวังหมดลุ้น โดย นฤตย์ เสกธีระ

คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 : ระวังหมดลุ้น

สถานีคิดเลขที่ 12 : ระวังหมดลุ้น โดย นฤตย์ เสกธีระ

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะทำงานอย่างหนัก

แต่เมื่อถึงเวลาที่ประชาชนรู้สึกว่า “หมดเวลาแล้ว” ดูเหมือนว่าอะไรๆ ก็จะไม่เป็นใจ

ผลการสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพลที่เพิ่งปรากฏออกมาเป็นเครื่องยืนยัน

การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 1/2565 สำรวจระหว่างวันที่
10-15 มีนาคม 2565

Advertisement

กลุ่มตัวอย่าง อายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้

จำนวนทั้งสิ้น 2,020 ตัวอย่าง พบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 27.62 ระบุว่า ยังหาบุคคลที่เหมาะจะเป็นนายกฯไม่ได้

อันดับสอง ระบุว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล เหมาะจะเป็นนายกฯ ร้อยละ 13.42

Advertisement

ด้วยเหตุผลว่า เป็นคนตรงไปตรงมา มีวิสัยทัศน์และแนวคิดแบบคนรุ่นใหม่

อันดับสาม คือ พล.อ.ประยุทธ์ ร้อยละ 12.67

เหตุเพราะเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ทำให้บ้านเมืองสงบ มีนโยบายช่วยเหลือประชาชนได้จริง

อันดับสี่ ร้อยละ 12.53 ระบุว่า อุ๊งอิ๊ง หรือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย

เพราะต้องการคนรุ่นใหม่มาบริหารประเทศ ชื่นชอบผลงานในอดีตของตระกูลชินวัตร

อันดับ 5 ร้อยละ 8.22 ระบุว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จากพรรคไทยสร้างไทย

เพราะชื่นชอบนโยบาย มีประสบการณ์บริหารประเทศ

ความน่าสนใจของโพลนี้คือการเปรียบเทียบผลสำรวจความนิยมทางการเมือง

กรณี พล.อ.ประยุทธ์ พบว่าเมื่อเปรียบเทียบกับครั้งก่อน คะแนนนิยมลดลง

สำรวจมา 4 ครั้ง ลดลงจาก 19% มาเป็น 17% มาเป็น 16% และล่าสุด 12%

ขณะที่ นายพิธา น.ส.แพทองธาร คุณหญิงสุดารัตน์ และอีกหลายคนมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น

กรณีนายพิธา สำรวจ 4 ครั้ง คะแนนนิยมที่ออกมา คือ 5% แล้วไต่ขึ้นเป็น 11% แล้วหย่อนมาเป็น 10% ก่อนจะขึ้นไปที่ 13%

น.ส.แพทองธาร สำรวจแค่ 2 ครั้ง เพราะเพิ่งเปิดตัว แต่คะแนนนิยมเพิ่มจาก 10% เป็น 12%

และคุณหญิงสุดารัตน์ สำรวจ 4 ครั้ง ได้คะแนนนิยม จาก 13% แล้วลดลงเหลือ 11% ลดลงอีกเหลือ 5%

ล่าสุดตีกลับคืนมา โดยขึ้นเป็น 8%

คะแนนนิยมที่ปรากฏอาจจะไม่ใช่ความคิดเห็นของคนทั้งหมด แต่ก็สามารถชี้แนวโน้มให้แลเห็น

กรณี นายพิธา และ น.ส.แพทองธาร ได้รับแรงหนุนเพราะเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีวิสัยทัศน์

เฉพาะ น.ส.แพทองธาร ได้รับอานิสงส์จากผลงานเดิมๆ ของนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์

กรณี คุณหญิงสุดารัตน์ นั้นสามารถเรียกความนิยมกลับมาได้ด้วยนโยบาย

สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ เหตุผลที่สนับสนุนให้เป็นนายกฯ ยังคงเป็นเรื่องความซื่อสัตย์ และการรักษาบ้านเมืองให้สงบ

ความนิยมดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2557 แต่ ณ บัดนี้ประเทศต้องการมากกว่านั้น

ประเทศชาติต้องการการขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมีอนาคต

แม้ว่า ขณะนี้รัฐบาลจะเผชิญหน้ากับวิกฤตโรคโควิด ผสมกับพิษของสงครามรัสเซียบุกยูเครน

ทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าเศรษฐกิจที่แย่อยู่แล้ว จะยิ่งแย่ลงไปอีก

นอกจากนี้ ประเทศไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งใหม่ ทุกคนก็อยากเห็นอนาคต

อยากเห็นอนาคตของประเทศ และอยากเห็นอนาคตของตัวเอง

ขณะที่คนอื่นๆ แค่วาดภาพให้คนไทยเห็นอนาคต คะแนนนิยมก็เพิ่มขึ้นแล้ว

แต่สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากจะต้องสร้างอนาคตให้คนเห็นแล้ว

ยังต้องแก้ปัญหาปัจจุบันให้ได้ด้วย

หากทำไม่ได้ คะแนนที่ออกมาก็จะต่ำเตี้ยลงไปเรื่อยๆ

ต่ำเตี้ยลงไปจนถึงวันหนึ่งที่หมดลุ้น

นฤตย์ เสกธีระ
[email protected]

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image