สถานีคิดเลขที่ 12 : ‘วิชาก้นหีบ’หลังยุบสภา

สถานีคิดเลขที่ 12 : ‘วิชาก้นหีบ’หลังยุบสภา การยุบสภา ที่คาดหมายว่าจะเกิดขึ้น

การยุบสภา ที่คาดหมายว่าจะเกิดขึ้นในวันสองวันนี้
จากนั้น สมรภูมิการเลือกตั้งก็จะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ
คงดุเดือดเลือดพล่านตามธรรมชาติของ “สงครามการเมือง”

หากต่อสู้กันตามหลักประชาธิปไตยอันเท่าเทียมก็ไม่น่าห่วงสักเท่าไหร่
แต่ห่วงการใช้ วิชาก้นหีบ เพื่อหวังชัยในการช่วงชิงอำนาจมากกว่า
ซึ่งก็เริ่มปรากฏให้เห็นบ้างแล้ว
รวมทั้งที่มีการกระซิบกระซาบกัน “อื้ออึง” ล่วงหน้าก็มี

ที่ปรากฏและน่าห่วง ก็อย่างกรณี ปิดตา ปิดจมูก แล้วอุ้ม “ป้านา” ที่ราชบุรี ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
มีคำชี้แจงของปฏิบัติการครั้งนี้ เพื่อปกป้องการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ซึ่งก็พอถูๆ ไถๆ ไปได้

แม้ว่าจะระคายหูและระคายความรู้สึกอย่างมาก กับคำพูดในการให้ท้ายของนายกฯ ที่ว่าป้าคนนั้นทำผิดกฎหมายหรือเปล่า และเป็นเพียงคนสองสามคนที่มีปัญหาไม่ใช่คนนับหมื่นที่มาร่วมต้อนรับนายกฯ
คำว่า “ผิดกฎหมาย” ที่นายกฯชอบพูดนั้น หากป้านากับพวก พกปืน พกระเบิด หรืออาวุธ มาทำร้ายแบบชัดๆ
การจับกุมหรืออุ้มแบบรุนแรงเด็ดขาดของตำรวจคงไม่มีใครว่า

Advertisement

แต่การมาแสดงความเห็น หรือตะโกนด่า นายกฯ (ซึ่งตอนนี้สวมหมวกแคนดิเดตนายกฯและเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ) ตามความเชื่อทางการเมืองของตน
มีคำถามว่า ควรได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างไปจากคนร้ายหรืออาชญากร หรือไม่
ความอะลุ่มอล่วยด้วยการกันตัวออกไป หรือจำกัดพื้นที่การแสดงออก จะเหมาะสมกว่าหรือไม่

และว่าไป “เส้นทาง” อันหมิ่นเหม่ ระหว่างถูกหรือผิดกฎหมายของ “ป้านา” นั้น
หากจะถูกตั้งข้อสงสัย ก็คงตั้งข้อน่าสงสัยเหมือนกับ การลงตรวจพื้นที่ในฐานะนายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์ กับการลงหาเสียงในฐานะสมาชิก รทสช.
ด้วยเพราะมันหมิ่นเหม่พอๆ กัน

ในใจของ พล.อ.ประยุทธ์ และของคนใน รทสช. ก็ย่อมรู้ดีกว่าใครหมด ว่าการลงพื้นที่ถี่ยิบด้วย “กลไก” รัฐเป็นการปฏิบัติราชการเพียวๆ หรือไม่
เมื่อไม่ใช่ ก็ไม่ควรใช้วิธีการ “เข้มงวดกับคนอื่น แต่ผ่อนคลายกับตนเอง”

Advertisement

การลงพื้นที่ ที่อ้างตรวจราชการและหาเสียงไปด้วย ก็ไม่ควรใช้กลไก หรือเจ้าหน้าที่รัฐ จนเลยเถิด ถึงขนาดไปคุกคามคนอื่นที่ไม่ได้มีจุดยืนทางการเมืองเช่นเดียวกับตนเอง แถมยังใช้กฎหมายตั้งข้อหากับเขาด้วย อย่างกรณีป้านาถูกตั้งข้อหาถึง 3 ข้อหา

นี่คือความไม่เท่าเทียมในการใช้กลไกและเจ้าหน้าที่รัฐ

ซึ่งหลังจากมีการยุบสภา คงจะต้องระมัดระวังและมีคุณธรรม ในการใช้อำนาจมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่า คงไม่ใช่ กรณีป้านาเท่านั้น
หากแต่เรียกร้องไปถึงกรณีอื่น ที่สลับซับซ้อนขึ้นกับการใช้กลไก และอำนาจ “ก้นหีบ” ของฝ่ายรัฐหรือองค์กรอื่นๆ ไปเอาเปรียบฝ่ายอื่น

อำนาจและกลไก รัฐควรจะต้องถูกใช้อย่าง เที่ยงตรง เป็นกลาง เป็นธรรมจริงๆ
และไม่ควรลุกลามอย่างที่บอกไว้ในตอนต้น
นั่นคือการ กระซิบกระซาบแต่อื้ออึงไปทั่วถึงปฏิบัติการหลังยุบสภา
ที่อาจมีการใช้วิชา “ก้นหีบ” ในหลายรูปแบบ เพื่อสกัดและเข่นฆ่าคู่แข่ง

หนึ่งในสิ่งที่พูดกันมาก
คือ เมื่อเอาชนะไม่ได้ก็หาเรื่องอุ้มไปประหาร
ด้วยการ “ยุบพรรค” เสียเลย?!?

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image