ความเชื่อกาลกิณี : โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

ความอัปรีย์จัญไร ไม่ว่ามากหรือน้อย ไม่มีใครเขาต้องการพบพาน หลีกได้ไกลเท่าไหร่ยิ่งดี
วิธีหลีกเสนียดจัญไร หรืออัญเชิญสิริมงคลมาใส่ตัว จึงต้องทำแปลกๆ หลากหลายตามความเชื่อของแต่ละคน บางคนเวลาจะออกจากบ้านไปทำงานหรือไปธุระ จะต้องเอานิ้วอุดรูจมูกทีละข้าง แล้วสั่งขี้มูกดูก่อน ถ้าข้างไหนลมออกสะดวกไม่ติดขัด ก็จะถือเอาข้างนั้น – ซ้าย หรือขวา – เป็นเคล็ดแล้วก้าวเท้าข้างนั้นออกนอกประตูก่อน อย่างนี้เขาเชื่อว่า สรรพเสนียดจัญไรจะไม่แผ้วพาน

บางคน (หรือหลายคน) ถือว่า ถ้าชื่อตัวเองมีตัวอักษรที่เป็นกาลกิณีอยู่ด้วยจะไม่เป็นสิริมงคล (โดยมีวิธีนับตามแบบทักษาโบราณ ซึ่งต้องศึกษากันต่างหากในแวดวงผู้สนใจวิชาโหราศาสตร์)

เรื่องอักษรกาลกิณีในชื่อนี้เป็นเรื่องแปลก คุณแม่คนหนึ่งเขียนจดหมายมาว่า ลูกชายเธอตอนแรกก็มีสุขภาพสมบูรณ์แต่พอโตขึ้นหน่อย ป่วยออดๆ แอดๆ ต้องไปหาหมอแทบทุกสัปดาห์ อาจเป็นเพราะชื่อก็ได้ ให้ช่วยดูด้วย ผมดูแล้ว เห็นชื่อเป็นกาลกิณีทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น จึงเปลี่ยนให้ใหม่ หลังจากนั้น 3 เดือนคุณแม่คนนั้นเธอเขียนจดหมายมาว่า ตั้งแต่ได้ชื่อใหม่ไป ลูกมีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่เจ็บป่วยอีกเลย กรณีอย่างนี้มีมากจนน่าประหลาด จะไม่เชื่อก็ยังไง หรือจะเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ยังไงอยู่

พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์ อดีตอธิบดีกรมการศาสนา เคยพูดว่า มีพระผู้ใหญ่ทักว่า ชื่อท่านตัวท้ายเป็นกาลกิณีให้เปลี่ยนซะ หาไม่จะ “ล่มบัดจอด” คือเสียชื่อเสียงตอนปลายอายุ ท่านอธิบดีเล่าแล้วก็หัวเราะ “ผมไม่เชื่อเรื่องเหลวไหลพรรค์นั้นหรอก” แล้วก็ไม่เปลี่ยนชื่อ

Advertisement

ตอนปลายอายุ ท่านผู้นี้มีเรื่องยุ่งๆ ทางราชการ จนต้องชิงลาออกก่อนเกษียณ และตายด้วยโรคร้ายทรมาน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชื่อที่พระท่านทักหรือเปล่า

ชื่อนั้นใครว่าไม่สำคัญ บางทีก็สำคัญใช่ย่อย ผู้รู้เรื่องดีคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า สมัยอาจารย์อภัย จันทวิมล เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาฯ มีหน่วยงานต่างประเทศแห่งหนึ่งเชิญข้าราชการกระทรวงศึกษาฯ ไปดูงานอะไรสักอย่าง ผมก็จำไม่ได้แล้ว มีผู้อยู่ในข่ายจะไป 2 คน คนหนึ่งชื่อ ระงับ วัฒนสิงห์ เลขาฯเสนอขึ้นไปว่า ทั้งสองคนนี้ท่านรัฐมนตรีจะให้ใครไป ท่านรัฐมนตรีแทงบันทึกสั้นๆ ว่า “เรื่องนี้ให้ระงับไป” ท่านเลขาฯจึงเก็บเรื่องเข้าลิ้นชัก

ต่อมาอีกสัปดาห์ ท่านรัฐมนตรีเจอคุณระงับ ท่านทักว่า “อ้าว คุณระงับ ผมให้คุณไปต่างประเทศ ทำไมมาเดินอยู่แถวนี้”

Advertisement

เรื่องของเรื่องก็คือ ท่านรัฐมนตรีสั่งว่า ให้ (นาย) ระงับไป แต่เลขาฯนึกว่า ให้ระงับการไป คือไม่ให้ใครไป เห็นไหมครับ ใครว่าชื่อไม่สำคัญ สำคัญจนทำให้อาจารย์ระงับอดไปต่างประเทศแน่ะ

น่าประหลาดก็คือ ทุกคนต่างเกลียดกลัวความอัปรีย์จัญไร ไม่อยากพบพาน ครั้งถามว่า ไอ้ตัวอัปรีย์จัญไรที่ท่านกลัวนักหนานั้น หน้าตามันเป็นยังไง ก็ไม่มีใครตอบได้สักคน อย่างนี้ไอ้ตัวอัปรีย์จัญไรมันมาอยู่กับเราเมื่อไหร่ไม่มีโอกาสรู้

สมัยหนึ่งมีพระราชาองค์หนึ่ง อยากรู้ว่าตัวอัปรีย์จัญไรมันหน้าตาเป็นยังไง ถามฤๅษีผู้เคร่งฌานองค์หนึ่ง ฤๅษีสั่งให้เตรียมกระบอกไม้ไผ่มา จะอาสาจับตัวอัปรีย์จัญไรมาถวายให้ทอดพระเนตรให้จงได้ ได้กระบอกไม้ไผ่แล้ว ฤๅษีก็หายไป 3 วัน กลับมาพร้อมกระบอกท่อนนั้น อุดปากกระบอกไว้มิดชิดนำเข้าถวายพระเจ้าแผ่นดิน ท่ามกลางหมู่เสนาอำมาตย์ ณ ท้องพระโรง

พระราชาค่อยๆ เปิดกระบอก ทอดพระเนตรตัวอัปรีย์จัญไร ซึ่งนอนแอ้งแม้งอยู่ก้นกระบอก เห็นรางๆ ไม่ชัด เพราะมันมืด ทรงรำพึงว่า “อืม ไอ้ตัวอัปรีย์จัญไรนี่มันเหมือนเขียดนะ” ทรงยื่นกระบอกให้เสนาบดี

เสนาบดีตะแคงซ้าย ตะแคงขวาดู กราบทูลว่า “ข้าพระพุทธเจ้าว่ามันเหมือนกบพ่ะย่ะค่ะ”

และแล้วกระบอกท่อนนั้นถูกยื่นส่งต่อเป็นทอดๆ เหล่าเสนาอำมาตย์ต่างคนต่างเห็น ต่างคนต่างเข้าใจ ถกเถียงกัน ไม่มีใครลงใคร เสียงชักดังขึ้นทุกทีๆๆ

พระราชาเห็นท่าไม่ดี ตัวอัปรีย์จัญไรมันแผลงฤทธิ์แล้ว ทรงเรียกกระบอกคืนมา อยากดูให้ถนัดว่า เจ้าตัวร้ายนี่หน้าตามันเป็นยังไงกันแน่ จึงทรงเทมันออกมา

แล้วสายตาทุกคู่ก็จ้องเขม็ง เงียบงัน

มันก็คือ ชานหมากของอีตาฤๅษีธรรมดาๆ นั่นเอง

ครับ อัปรีย์จัญไรตัวจริงมันมิใช่ชานหมากในกระบอกไม้ไผ่นั้น แต่มันคือความอวดดื้อถือดี ไม่ยอมลงให้ใครนั่นเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image