ในหลวง พระราชินี พระราชทานสิ่งของ แก่ราษฎรประสบอุทกภัย จ.ยะลา
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบอุทกภัยจากภัยธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดยะลา ในการนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี ไปประชุมและติดตามสถานการณ์การเกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดยะลา ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอรามัน โดยมีนายภิรมย์ นิลทยา ผู้ว่าราชการจังหวัด รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมและรายงานการเกิดอุทกภัย
ทั้งนี้ องคมนตรี ได้กล่าวชมเชยการทำงานของแต่ละหน่วยที่ได้มีการวางแผนมอบหมายหน้าที่กันอย่างชัดเจน ทำให้การให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานไว้เพื่อให้หน่วยต่างๆนำไปปฏิบัติ ต่อจากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเอก เฉลิมชัย ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 3,000 ถุง ไปมอบแก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ซึ่งเป็นตัวแทนราษฎรที่ประสบอุทกภัยและผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่จังหวัดยะลา ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอรามัน จังหวัดยะลา เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นและเป็นขวัญกำลังใจ
ในโอกาสนี้ องคมนตรี ได้เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวให้ราษฎรที่ประสบเหตุอุทกภัย และผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้รับทราบ ในการนี้ องคมนตรี ได้ลงพื้นที่เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบอุทกภัยซึ่งเป็นผู้สูงอายุ ในพื้นที่ตำบลรามันอำเภอรามัน จังหวัดยะลา พร้อมทั้งพูดคุยสอบถามความเป็นอยู่ สร้างขวัญกำลังใจ เพื่อให้สามารถกลับมาดำรงชีวิตได้ตามปรกติสุขต่อไป ราษฎรต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
สำหรับจังหวัดยะลา ได้รับอิทธิพลจากลมตะวันออกเฉียงใต้แพร่ปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ตอนล่าง ทำให้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันในพื้นที่จังหวัดยะลา ตั้งแต่วันที่ 23 -28 กุมภาพันธ์ 2565 ส่งผลทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ และท่วมพื้นที่ทางการเกษตร ทำให้บ้านเรือนราษฎร สิ่งสาธารณประโยชน์ สถานที่ราชการ โรงเรียน วัด มัสยิด เส้นทางคมนาคม สะพาน ได้รับความเสียหาย และได้รับความเดือดร้อน ใน 6 อำเภอ 43 ตำบล 184 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 4,810 ครัวเรือน และเสียชีวิต 1 ราย