นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ ซีแอลเอสเอ จำกัด กรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กรรมการคณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ กรรมการผู้ทรวงคุณวุฒิ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (เอดด้า) เปิดเผยว่า การช่วยคนจนที่แท้จริงคือการช่วยผู้ด้อยโอกาส รัฐจะทำอย่างไรที่จะทำให้คนเข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ได้เท่าเทียมกับคนตัวใหญ่หรือคนรวย รัฐจะทำอย่างไรกับความเหลื่อมล้ำในกรณีที่ประชากร 1% ถือสินทรัพย์ทั้งหุ้นและที่ดินกว่า 80% ซึ่งเป็นความเหลื่อมล้ำที่สูงมาก ทั้งนี้จะเห็นว่าเราเก็บภาษีอยู่บนพื้นฐานของรายได้ ซึ่งคิดเป็น 80-90% ซึ่งถามว่าน้อยไปหรือไม่ เมื่อเทียบกับการเก็บภาษีที่ดิน ภาษีมรดก
“ความเห็นผมคือโยนโจทย์กลับไป ซึ่งไม่เถียงว่างบประมาณหรือเงินสำคัญในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยหรือคนจน ซึ่งงบประมาณส่วนนี้อาจจะเป็นส่วนน้อยด้วยซ้ำไป แต่ส่วนใหญ่คือจะทำอย่างไรในการปรับโครงสร้างภาครัฐ ทำให้รัฐหรือรัฐวิสาหกิจเล็กลง ต้องคิดตรงนี้มากกว่า การออกมาตรการช่วยเหลือคนจนด้วยเม็ดเงินแสนล้านบาท เป็นการกระตุ้นระยะสั้น เป็นนโยบายหาเสียง (ป็อปปูลิสต์) หรือนโยบายแนวทักษิโณมิกส์หรือสมคิดโนมิคส์ที่คิดแบบเดิมๆ” นายปริญญ์กล่าว
นายปริญญ์กล่าวต่อว่า แต่ข้อดีของบัตรสวัสดิการของรัฐคือช่วยเก็บฐานข้อมูล เป็นเก็บข้อมูลการลงทะเบียนคนจนให้ชัดเจน ซึ่งเมื่อนโยบายออกมาจะได้ใช้ให้ตรงจุด อย่างไรก็ตามนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรวมถึงนโยบายธงฟ้า ที่เลือกเป้าหมายว่าต้องเข้าร้านกลุ่มซีพี ไม่ควรเป็นอย่างนั้น เพราะเป็นการช่วยนายทุน
