“เดอะสแตนดาร์ด” มั่นใจอุตฯท่องเที่ยวไทย นำ 3 โรงแรมใหม่เสริมแกร่งพร้อมให้บริการปีหน้า

“เดอะสแตนดาร์ด” มั่นใจอุตฯท่องเที่ยวไทย นำ 3 โรงแรมใหม่เสริมแกร่งพร้อมให้บริการปีหน้า

นายอมาร์ ลัลวานี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของเครือโรงแรม The Standard (เดอะ สแตนดาร์ด) กล่าวว่า ล่าสุดมีโรงแรมใหม่ที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งและขยายการเติบโตให้กับพอร์ตโฟลิโอของบริษัท ได้แก่ เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน รีสอร์ตติดชายหาดแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีกำหนดเปิดตัววันที่ 1 ธันวาคม 2564 ตามด้วย เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร อันถือเป็นโครงการแฟล็กชิพประจำเอเชียของแบรนด์ ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2565 บริษัทฯ ยังสร้างความฮือฮาด้วยการเผยความพร้อมของ เดอะ สแตนดาร์ด อิบิซ่า ที่จะเปิดให้บริการในปี 2565 โดยโรงแรมใหม่ทั้ง 3 แห่ง ถือเป็นส่วนหนึ่งในการเริ่มต้นแผนการขยายตลาดด้วยโครงการเด่น 12 แห่งในเมืองท่องเที่ยวในตลาดสำคัญทั่วโลก รวมถึงในสิงคโปร์ เมลเบิร์น ลิสบอน ดับลิน บรัสเซลส์ และลาสเวกัส ซึ่งการเปิดตัวแบรนด์ The Standard เข้าสู่ตลาดประเทศไทย ถือว่าทำได้อย่างถูกเวลาเนื่องจากประเทศไทยกำลังเดินหน้าเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วยการผ่อนผันกฎเกณฑ์ในการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย และการเร่งปูพรมฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชน

“ในนามของ The Standard ผมมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่จะแนะนำโรงแรมสมาชิกใหม่ของเราอย่างThe Standard, Hua Hin ที่มีกำหนดเปิดบริการในเดือนธันวาคมของปีนี้ รวมถึง The Standard, Bangkok Mahanakhon โครงการแฟล็กชิพของเราในเอเชีย ที่จะเปิดตัวปี2565 และ The Standard, Ibiza โรงแรมแห่งที่สองของเราในยุโรป” นายอมาร์กล่าวและว่า อย่างที่ทราบกันดี วิกฤตที่เรากำลังประสบในเวลานี้เป็นความท้าทายที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการไม่เคยเผชิญมาก่อน ส่งผลกระทบต่อแรงงานนับล้านคนทั่วโลก ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ องค์กรของเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะนำความสุขความเพลิดเพลินมาสู่แขกผู้ใช้บริการ ทั้งยังทำประโยชน์ต่อชุมชนรอบข้าง และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับสมาชิกทีมงานโดยการรังสรรค์โครงการโรงแรมที่น่าทึ่งทั่วโลก

 

Advertisement

นายอมาร์กล่าวว่า ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายท่องเที่ยวอับดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม และความรุ่มรวยของมรดกทางวัฒนธรรม และจากความตั้งใจจริงของเราที่จะวางรากฐานในเอเชียอย่างมั่นคง เราจึงนำประสบการณ์กว่า 20 ปีในอุตสาหกรรมบูทีคโฮเทล ความเป็นแบรนด์ที่เร้าความรู้สึกอย่างมีรสนิยม ด้วยการออกแบบที่พิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียด และบริการที่เป็นเลิศ มาสู่ผู้บริโภคในตลาดที่ไม่เคยหยุดนิ่งอย่างเมืองไทย เริ่มด้วยการเปิดตัวโครงการแลนด์มาร์กใหม่ทั้งสองแห่งนี้ ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในเดสทิเนชั่นอันดับต้น ๆ ของนักเดินทางจากทั่วโลก จนทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 38 ล้านในปี 2561 และมากกว่า 39 ล้านในปี 2562 ก่อนที่จะเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-19 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้งกรุงเทพฯ และภูเก็ต ยังคงได้รับความนิยมในฐานะเมืองสุดโปรดของเหล่านักเดินทางนานาชาติ โดยติดอันดับจุดหมายปลายทางยอดนิยมของโลกจากการมอบรางวัล Tripadvisers Travellers’ Choice Best of the Best 2021 ในประเภท Popular Destinations – World’ จากการลงคะแนนเสียงโดยนักท่องเที่ยวที่เคยมาสัมผัสและหลงรักเมืองทั้งสองแห่ง

การจะฟื้นธุรกิจท่องเที่ยวให้กลับคืนมาเหมือนช่วงก่อนโควิด19 ระบาดนับว่าเป็นเรื่องท้าทายมากดังนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงเริ่มต้นผลักดันภารกิจหลักสู่การฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรม ที่ถือเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศให้กลับมาโลดแล่นเหมือนเดิม ประเทศไทยเริ่มพิจารณาใช้นโยบายเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง หลังจากแผนระดมฉีดวัคซีนดำเนินการได้ตามเป้า โดยเริ่มจากโครงการนำร่อง ‘Phuket Sandbox’ ที่อ้าแขนรับเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนเข้าสู่เกาะภูเก็ตตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตามด้วยโครงการในลักษณะเดียวกันในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ๆ รวมทั้งโครงการ ‘Hua Hin Recharge’ ที่ตั้งเป้าให้มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ให้ได้ร้อยละ 70 เพื่อพร้อมรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศกลับมาเยือนเมืองชายทะเลแห่งนี้ เพื่อกระตุ้นให้ธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

Advertisement

ในช่วงที่ฤดูท่องเที่ยวหลักใกล้เข้ามา ซึ่งโดยปรกติจะเริ่มต้นในเดือนตุลาคม ประเทศไทยจะมีเมืองท่องเที่ยวหลัก 5 แห่ง (ภูเก็ต สมุย พัทยา เชียงใหม่ และหัวหิน ซึ่งข้อมูลจากททท. ระบุว่าสร้างรายได้เข้าประเทศคิดเป็นร้อยละ 50 ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวม) ที่เข้าร่วมในแผนการฟื้นฟูการท่องเที่ยว ขณะที่อีก 2จังหวัด คือ กระบี่และพังงา เป็นจุดหมายรองจากเมืองหลัก ปัจจุบันภูเก็ตเปิดให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนเดินทางได้ทั่วเกาะ ขณะที่เมืองอื่น ๆ จะเปิดให้เดินทางไปยังบางเส้นทางโดยนักท่องเที่ยวยังต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของแต่ละที่ ขณะเดียวกัน ภาครัฐกำลังพิจารณาให้หัวหินเป็นจุดหมายที่เปิดโอกาส ให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้อย่างอิสระในรัศมี 86 กิโลเมตรโดยไม่ต้องมีการกักตัว

เมื่อเทียบกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในประเทศไทย เมืองชายทะเลอย่างหัวหิน อันเป็นที่ตั้งของรีสอร์ตติดชายหาดแห่งแรกในเมืองไทยในเครือ The Standard พึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก โดย 70% ของนักท่องเที่ยวก่อนที่จะได้รับผลกระทบจากโควิด เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย อัตราการเข้าพักสูงถึง 90% ในช่วงสุดสัปดาห์และวันหยุดราชการ ทั้งนี้ ในปี 2563 โรงแรมในหัวหินมีตัวเลขอัตราการเข้าพักสูงที่สุดอยู่ที่ 39% มากกว่าเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างพัทยา ภูเก็ต และกรุงเทพฯ

ปัจจุบัน กระแสความต้องการในการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีรายได้สูง จากประเทศที่มีเศรษฐกิจมั่นคง และพึ่งพาธุรกิจท่องเที่ยวขาเข้าน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ซึ่งโอกาสที่จะฟื้นตัวได้เร็วกว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เป็นเป้าหมายหลักที่ธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศต่าง ๆ ให้ความสนใจเป็นอย่างสูง ในการดึงดูดให้เข้ามาท่องเที่ยวประเทศของตนเอง ซึ่งประเทศไทยคือจุดหมายปลายทางที่มีศักยภาพสูงสำหรับการท่องเที่ยวของนักเดินทางกลุ่มนี้เมื่อมีการเปิดพรมแดนเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการท่องเที่ยวอีกครั้ง หากประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ยังไม่สามารถดำเนินการในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และยกเลิกข้อกำหนดในการเดินทางข้ามประเทศได้อย่างทันท่วงที

 

ถึงแม้ว่าวิกฤติโควิด 19 จะสร้างผลกระทบมหาศาลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างปฏิเสธไม่ได้ ภาวะโรคระบาดใหม่ทำลายธุรกิจท่องเที่ยวและบริการเสียหาย แต่เครือ The Standard สามารถยืนหยัดสู้กับสถานการณ์วิกฤติได้อย่างแข็งแกร่งและภาคภูมิ ด้วยวิสัยทัศน์ที่เล็งเห็นว่าว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะกลับมามีอนาคตที่สดใส โดยส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์ในปี 2564 ในสหรัฐอเมริกาแซงหน้าตัวเลขในปี 2562 ด้วยค่าเฉลี่ยดัชนีการสร้างรายได้ที่ระดับ 134 ต่อ 122 เมื่อเทียบกับเครือโรงแรมคู่แข่งในระดับเดียวกัน

“ท่ามกลางความท้าทายที่เราเผชิญ เราสามารถรักษาฐานกำไรและยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในโครงการใหม่ ๆ และเร่งสรรหาโรงแรมใหม่ๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเครือ ซึ่งตัวเลขการเติบโตในแง่ส่วนแบ่งตลาดเป็นผลจากความแข็งแกร่งของแบรนด์และการที่บริษัทฯ ตัดสินใจรักษาทีมงานทุกคนไว้และเดินหน้าแผนงานต่าง ๆ ทางการตลาดตลอดช่วงที่เกิดวิกฤติโรคระบาด ความแข็งแกร่งของแบรนด์ นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตัวเลขยอดการจองตรงในโรงแรมในเครือ The Standard อยู่ระดับสูงตลอด โดยเพิ่มจากอัตรา 45% ก่อนโควิดระบาด มาสู่ระดับ 58% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสำหรับแบรนด์โรงแรมอิสระ ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลจากการนำเสนอแพคเก็จที่ดึงดูดใจและการสร้างประสบการณ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้มาพักที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลารวมถึงการตลาดแบบฉีกกรอบซึ่งกลายเป็นภาพจำของแบรนด์ “นายอมาร์กล่าว

นายอมาร์ กล่าวว่า แม้ในสภาพเศรษฐกิจท่ามกลางวิกฤติ The Standard สามารถขยายฐานธุรกิจเครือโรงแรมได้อย่างน่าพอใจในปีที่ผ่านมา “ปัจจุบัน เรามีโรงแรมทั้งหมด 17 แห่งที่เป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ The Standard ,Bunkhouse (บังค์เฮ้าส์) และ The Peri Hotel (เดอะ เภรี โฮเทล) โดยในจำนวนนี้ 15 แห่งกลับมาเปิดให้บริการหลังเกิดโควิดระบาด และอีก 21 แห่งเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ นอกเหนือจากนี้มีอีกหลายแห่งอยู่ในขั้นตอนการเจรจา ทำให้เราเป็นหนึ่งในแบรนด์ไลฟ์สไตล์อิสระชั้นนำของโลก The Standard, Hua Hin ซึ่งเป็นรีสอร์ตติดชายหาดแห่งแรกของแบรนด์ในประเทศไทย จะเปิดให้บริการในวันที่ 1 ธันวาคม โดยมีห้องพัก 178 ห้อง พูลวิลล่า 21 หลัง ติดหาด The Standard, Hua Hin จะเป็นจุดหมายที่ไม่เคยตกยุคสำหรับกลุ่มลูกค้าคนไทยผู้ชื่นชอบการพักผ่อนอย่างสร้างสรรค์และกลุ่มลูกค้าที่เป็นแฟนคลับของ The Standard ทั่วโลก ขณะที่หัวหินเป็นเมืองตากอากาศที่เริ่มจุดหมายของนักเดินทางตั้งแต่พ.ศ. 2454 เมื่อเส้นทางรถไฟเชื่อมกรุงเทพฯ กับภาคใต้เริ่มให้บริการมาถึงเมืองชายหาดแห่งนี้ในช่วงกลางยุค 1920s (พ.ศ.2 463-2473) ก่อนที่จะกลายเป็นเมืองโปรดในช่วงวันหยุดสำหรับชนชั้นสูง ในช่วง 10 กว่าปีหลังจากนั้น เมื่อเวลาผ่านไป หมู่บ้านประมงเงียบสงบแห่งนี้เปลี่ยนโฉมเป็นเมืองริมทะเลจุดหมายหลักของนักเดินทางโดยยังคงเสน่ห์ดั้งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทุกวันนี้หัวหินยังเป็นเมืองโปรดในช่วงสุดสัปดาห์สำหรับผู้คนจากกรุงเทพ ฯ ที่รอคอยประสบการณ์แบบที่ The Standard สัญญาว่าจะมอบให้ได้ นั่นคือ รีสอร์ตติดชายหาดที่โดดเด่นมีชีวิตชีวานำเสน่ห์ของหัวหินมาสะท้อนอยู่ในองค์ประกอบต่างๆ ของโรงแรม ภายใต้ความสง่างาม เรียบง่าย และเต็มไปด้วยเรื่องราวของประวัติศาสตร์ของทำเลอันเป็นที่ตั้งจองโรงแรม เสริมด้วยการนำเสนอที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และความสนุกสนานในแบบสากล

The Standard, Bangkok Mahanakhon จะเป็นโรงแรมแฟล็กชิพของแบรนด์ The Standard ในทวีปเอเชีย จะกลายเป็นแลนด์มาร์กที่น่าตื่นตาตื่นใจของประเทศไทย เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของ คิง เพาเวอร์ มหานคร อาคาร 78 ชั้น ที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของไทยในปัจจุบัน โดยโรงแรมแห่งนี้จะสะท้อนความเป็นเมืองหลวงที่เปี่ยมพลังของกรุงเทพฯ ด้วยห้องพัก 155 ห้อง เพนท์เฮาส์ สระว่ายน้ำริมระเบียง ฟิตเนส ห้องประชุม รวมทั้งบริการอาหารและเครื่องดื่ม และสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนตอนกลางคืน ตั้งแต่ห้อง The Parlor (เดอะ พาร์เลอร์) ไปจนถึง tea room (ที รูม) และร้านอาหารชื่อดังอย่าง Standard Grill (สแตนดาร์ด กริล) โดยร้านอาหารและบาร์ชั้น 76 แห่งนี้เสิร์ฟความอร่อยพร้อมวิวสุดอลังการของกรุงเทพฯ และเมื่อเพิ่มความสูงขึ้นไปสองชั้นสู่จุดชมวิวบนชั้น 78 ที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนโรงแรมแห่งนี้จะกลายเป็นประสบการณ์สัมผัสเส้นขอบฟ้าที่สมบูรณ์แบบ โดยโรงแรมแห่งนี้กำหนดเปิดให้บริการในปี 2565

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image