‘สิงห์ เอสเตท’ อวดรายได้ไตรมาส 3/64 โกย 2,127 ลบ. ได้ธุรกิจโรงแรมในอังกฤษหนุนโตสวนโควิด

‘สิงห์ เอสเตท’ อวดรายได้ไตรมาส 3/64 โกย 2,127 ลบ. ได้ธุรกิจโรงแรมในอังกฤษหนุนโตสวนโควิด

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/64 มีรายได้รวม 2,127 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 มั่นใจธุรกิจฟื้นตัว สะท้อนผ่านรายได้รวมที่เติบโตต่อเนื่องติดกันเป็นไตรมาสที่ 3 โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจที่พักอาศัย 436 ล้านบาท, ธุรกิจอาคารสำนักงาน 238 ล้านบาท, ธุรกิจโรงแรม 1,422 ล้านบาท, และธุรกิจอื่นๆ 31 ล้านบาท แม้ผลประกอบการในไตรมาส 3/2564 จะมีการตัดผลประกอบการของบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) (“NVD”) ออกจากงบการเงินรวมของสิงห์ เอสเตท ตั้งแต่ต้นปี 2564 หลังจากธุรกรรมการขายเงินลงทุนในบริษัท เนอวานาฯ แล้วเสร็จ แต่รายได้รวมกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 20% โดยได้แรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของธุรกิจโรงแรม ซึ่งรายได้จากธุรกิจโรงแรมจำนวน 1,410 ล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่า 1000% เทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2563 โดยมีสาเหตุหลักจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคการท่องเที่ยวในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) ตอกย้ำความสำเร็จในการตัดสินใจปรับพอร์ทโฟลิโอ และขยายการลงทุนในแหล่งรายได้ใหม่ที่เห็นศักยภาพในการฟื้นตัวได้เร็วกว่า ผ่านการเพิ่มสัดส่วนเงินลงทุนเป็น 100% ของกลุ่มโรงแรมในสหราชอาณาจักร ส่งผลให้สามารถรับรู้รายได้จากกลุ่มโรงแรมในพอร์ทนี้ได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม ที่ผ่านมา

“ไตรมาส 3 ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีมากของกลุ่มโรงแรมในสหราชอาณาจักร เนื่องจากการฟื้นตัวเต็มที่ของการท่องเที่ยวในประเทศที่ได้อานิสงค์จากการปลดมาตรการป้องกันโควิด-19 และการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว สะท้อนให้เห็นจากรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ที่กลับไปแตะระดับ 95% ของช่วงก่อนโควิดได้ และมีส่วนผลักดันให้ผลประกอบการของกลุ่มพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิได้ ทำให้ภาพรวมผลประกอบการธุรกิจโรงแรมกลับมาดีขึ้น แม้การดำเนินการโรงแรมในประเทศไทย สาธารณรัฐมอริเชียส และสาธารณรัฐฟิจิ ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติก็ตาม” นางฐิติมา กล่าว

นางฐิติมา กล่าวว่า สำหรับพอร์ตโรงแรมในโครงการ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ (CROSSROADS) เป็นโครงการแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนครบวงจรแห่งแรกและแห่งเดียวในมัลดีฟส์ ซึ่งมีความหลากหลายในการต้อนรับลูกค้าหลายกลุ่ม เสริมด้วยจุดแข็งด้านที่ตั้งซึ่งอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติหลัก ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาทีทางเรือสปีดโบ้ท โดยในไตรมาส 4 เราคาดหวังการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มมีศักยภาพใช้จ่ายสูง อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และประเทศอื่นๆ ในยุโรป ทำให้เราคาดรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนในไตรมาส 4 จะสามารถปรับเพิ่มขึ้นเท่ากับหรือดีกว่าก่อนเกิดโควิดได้ รวมถึงเราคาดหวังว่าการดำเนินงานโรงแรมประเทศอื่นๆ ที่ได้รับความชัดเจนด้านนโยบายการเปิดประเทศจากรัฐบาลแล้ว จะสามารถฟื้นตัวได้ดีขึ้น จึงยังเชื่อว่าผลประกอบการของธุรกิจโรงแรมจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จนถึงต้นปี 2565

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image