คดีกงสีโตทับเที่ยงไม่จบง่ายๆ! ‘สุรินทร์’ ออกแถลงการณ์ตอบโต้ ‘สุธรรม’ ยัน ยังถือหุ้น ‘ปุ้มปุ้ย’ อยู่

คดีกงสีโตทับเที่ยงไม่จบง่ายๆ! ‘สุรินทร์’ ออกแถลงการณ์ตอบโต้ ‘สุธรรม’ ยัน ยังถือหุ้น ‘ปุ้มปุ้ย’ อยู่

หลังจากนายสุธรรม โตทับเที่ยงได้เปิดการแถลงข่าว กรณีกงสี หรือธุรกิจครอบครัวของตระกูลโตทับเที่ยง ภายหลังศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 65 ที่ผ่านมา ยืนตามคําพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาให้ นายสุรินทร์ โตทับเที่ยง (จําเลยที่ 1 และพวกรวม 6 ราย) โอนที่ดินให้แก่พี่น้องในตระกูลโตทับเที่ยงทั้ง 10 คน คนละ 1 ส่วน หลังจากยืดเยื้อมานานกว่า 6 ปี นับตั้งแต่ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งธนบุรี เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 59 และศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 61 โดยมี นางชุติมา โตทับเที่ยง น.ส.จุรี โตทับเที่ยง นายสลิล โตทับเที่ยง น.ส.สุนีย์ โตทับเที่ยง และ น.ส.ศิริพร โตทับเที่ยง ร่วมในการแถลงข่าว
(อ่านข่าว ปิดคดี ‘กงสีตระกูลโตทับเที่ยง’ ‘สุธรรม’ ส่งเทียบเชิญ ‘สุรินทร์’ หารือแบ่งที่ดิน-หุ้นกงสี)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลาต่อมา นายสุรินทร์ โตทับเที่ยง ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ นายสุธรรม โดยระบุว่า

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 เวลา 10.00 น. กลุ่มนายสุธรรม โตทับเที่ยง ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ โรงแรม อีสติน แกรนด์สาทร เกี่ยวกับผลคดีกรรมสิทธิ์รวม โดยอ้างว่าปิดคดีฮุบที่ดิน กงสี ดังรายละเอียดที่สื่อมวลชน ซึ่งร่วมรับฟังการแถลงข่าวทราบแล้วนั้น

ข้าพเจ้า นายสุรินทร์ โตทับเที่ยง ขอเรียนมายังสื่อมวลชนว่าการแถลงข่าวของ นายสุธรรม โตทับเที่ยง กับพวก มีความคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริง ทําให้ข้าพเจ้ากับครอบครัวได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความจําเป็นที่จะต้องชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อให้สื่อมวลชนและสังคมได้รับทราบข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ดังนี้

Advertisement

1.คดีกรรมสิทธิ์รวม หรือธุรกิจครอบครัวตระกูลโตทับเที่ยง ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยพิพากษาให้กลุ่มข้าพเจ้าและกลุ่มนายสุธรรม โอนหุ้นที่แต่ละคนถืออยู่ใน บริษัทต่างๆ จํานวน 19 บริษัท โดยนําหุ้นมารวมกันแล้วแบ่งหุ้นคนละ 1 ส่วนใน 10 ส่วน สำหรับบริษัท จำนวน 19 บริษัทนั้น เกือบทั้งหมดปัจจุบัน ไม่ได้ประกอบการ หรือหยุดประกอบการแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างใดๆ ต่อข้าพเจ้า และครอบครัว

2.ศาลฎีกาไม่ได้มีคำพิพากษาว่าหุ้นใน บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) หรือ ปุ้มปุ้ย ที่ข้าพเจ้าและครอบครัวมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นเป็นกงสีที่ต้องโอนคืนให้แก่นายสุธรรม กับพวกที่เป็นโจทก์ ดังนั้น ข้าพเจ้าและครอบครัวจึงยังคงเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จํากัด (มหาชน)

3.สำหรับที่ดินตามฟ้องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นที่ดิน หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จังหวัดตรังและที่กรุงเทพมหานคร ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้ยกคำขอที่นายสุธรรม กับพวก ขอให้นายสุรินทร์ กับพวก จดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด และเมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาล อุทธรณ์จึงเป็นผลให้ที่ดินตามฟ้องไม่ใช่ที่ดินกงสีที่นายสุธรรมกับพวกที่เป็นโจทก์จะใช้สิทธิอ้างความเป็นเจ้าของได้ ดังนั้น เนื้อหาจาการแถลงข่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริงตามคําพิพากษาศาลฎีกา

Advertisement

4.จุดเริ่มต้นของข้อพิพาทเกิดจากการที่ข้าพเจ้าและผู้บริหารบริษัทไม่ยินยอมให้บุคคลกลุ่มหนึ่ง แสวงหาประโยชน์จากบริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จากัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้มีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องจนกระทั่งศาลมีคำพิพากษาให้บุคคลและนิติบุคคลที่ร่วมกันแสวงหาประโยชน์ดังกล่าวชดใช้เงินให้แก่บริษัทผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ซึ่งข้าพเจ้าและผู้ถือหุ้นยังคงติดตามว่าคณะกรรมการของบริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ชุดปัจจุบัน จะรักษาผลประโยชน์ของบริษัท โดยดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาหรือไม่

5.ตลอดระยะเวลาที่มีข้อพิพาท แม้จะมีคำพิพากษาถึงที่สุดเป็นคุณกับข้าพเจ้าและครอบครัวหลายคดีข้าพเจ้าไม่เคยแถลงข่าวให้ร้ายบุคคลในสกุลโตทับเที่ยง ตลอดชีวิตการทำงานของข้าพเจ้า มีความตั้งใจ ทำคุณประโยชน์ให้แก่ท้องถิ่นจังหวัดตรัง ดังที่สื่อมวลชนทุกท่านได้ทราบเป็นอย่างดีแล้ว

การให้ข่าวของข้าพเจ้าในครั้งนี้ไม่ได้มุ่งประสงค์ที่จะตอบโต้นายสุธรรม กับพวก แต่ต้องการให้สื่อมวลชนได้รับทราบข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาถูกต้องครบถ้วน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image