“เหมืองทองอัครา” ซ่อมโรงงานคืบหน้า 75%-รับพนักงานพร้อมเดินเครื่องต้นปี’66

“เหมืองทองอัครา” ซ่อมโรงงานคืบหน้า 75%-รับพนักงานพร้อมเดินเครื่องต้นปี’66

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน นายวรงค์ สราญฤทธิชัย ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายบริหารองค์กร บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรืออัครา เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการซ่อมแซมเครื่องจักรและโรงประกอบโลหกรรมครั้งใหญ่ รวมถึงอาคารสถานที่สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในเหมืองที่ใช้ทุนประมาณ 500 ล้านบาท ว่า ปัจจุบันดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว 75% เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ซึ่งคาดว่าการจะแล้วเสร็จในช่วงสิ้นปีนี้

โดยก่อนเปิดการทำเหมือง บริษัทต้องแจ้งเป็นหนังสือให้หน่วยงานรัฐที่เป็นผู้กำกับดูแลทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน และต้องนําพนักงานเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ หลังจากได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากหน่วยงานรัฐที่เป็นผู้กำกับดูแลแล้ว จึงจะสามารถเริ่มดําเนินการทําเหมืองได้

นายวรงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทต้องวางหลักประกันการฟื้นฟูการทำเหมือง และจัดทำประกันภัยความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ตามที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการบริหารจัดการกองทุนต่าง ๆ ไว้ดังนี้

Advertisement

1.กองทุนฟื้นฟูพื้นที่เหมืองแร่ -บริษัทฯ ต้องจ่ายเงินสมทบในอัตรา 10% ของค่าภาคหลวงแร่ที่บริษัทฯ ชำระในแต่ละปี แต่ต้องไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาทต่อปีตลอดระยะเวลาที่มีการประกอบการ 2.กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพ – บริษัทฯ ต้องจ่ายเงินสมทบในอัตรา 3% ของค่าภาคหลวงแร่ที่บริษัทฯ ชำระในแต่ละปี แต่ต้องไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาทต่อปีตลอดระยะเวลาที่มีการประกอบการ

3.กองทุนประกันความเสี่ยง – บริษัทฯ ต้องจ่ายเงินสมทบในอัตรา 3% ของค่าภาคหลวงแร่ที่บริษัทฯ ชำระในแต่ละปี แต่ต้องไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาทต่อปีตลอดระยะเวลาที่มีการประกอบการ และ 4.กองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นที่เหมืองแร่ – บริษัทฯ ต้องจ่ายเงินสมทบในอัตรา 5% ของค่าภาคหลวงแร่ที่บริษัทฯ ชำระในแต่ละปี แต่ต้องไม่น้อยกว่า 15 ล้านบาทต่อปีตลอดระยะเวลาที่มีการประกอบการ

นายวรงค์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการกลับมาเปิดดำเนินกิจการ บริษัทจึงได้เริ่มทยอยรับสมัครพนักงานเบื้องต้นประมาณ 160 อัตรา รองรับแผนการดำเนินงานระยะแรก โดยจะใช้โรงประกอบโลหกรรมที่ 2 เพียงโรงเดียวเท่านั้น ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2.7 ล้านตันต่อปี

Advertisement

ภายหลังบริษัทกลับมาดำเนินการไปแล้วสักระยะหนึ่ง จึงจะเริ่มซ่อมโรงประกอบโลหกรรมที่ 1 ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2.3 ล้านตันต่อปี และเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจนสามารถกลับมาใช้งานได้แล้ว บริษัทจะรับพนักงานเพิ่ม เพื่อรองรับปริมาณงานที่มากขึ้นต่อไป โดยรวมแล้วจะก่อให้เกิดการจ้างงานทั้งโดยตรงและผ่านผู้รับเหมาร่วม 1,000 อัตรา

ทั้งนี้ ภายหลังจากบริษัทประกาศเรื่องการรับสมัครพนักงาน ปรากฎว่าได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม มีประชาชนมาดาวน์โหลดและรับใบสมัครแล้วกว่า 1,000 ราย ด้วยเชื่อว่าบริษัทจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ จากสถิติที่ผ่านมา เมื่อเหมืองกลับมาดำเนินการจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยปีละกว่า 3,000 ล้านบาท ผ่านการสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจในประเทศ การชำระค่าภาคหลวงและภาษี และการสร้างงาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: ครม.รับทราบ คดีเหมืองทองอัครา ชี้สัญญาณดี อาจจบโดยไม่ต้องรออนุญาโตฯชี้ขาด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image