ประธาน กสทช. ชี้ช่อง ‘กกท.’ ไม่คืน 600 ลบ. ก็ยกเลิกเอ็มโอยู กับทรู
ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ประธาน กสทช.) เปิดเผยถึงกรณีที่ประชุม กสทช. นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 มีมติ 6 ต่อ 0 แจ้งคำสั่งทางปกครองไปยัง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เรียกคืนเงินจำนวน 600 ล้านบาท ที่ได้รับสนับสนุนจากกองทุนวิจัยพัฒนากิจการ กระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.)
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) เต็มจำนวน ภายใน 15 วัน หลังจากที่ได้รับหนังสือแจ้งดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี (หากมี) เนื่องจากผิดกฎมัสต์แครี่ ในการรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันได้อย่างทั่วถึง แต่ขณะนี้ โทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกไอพีทีวีไม่สามารถรับชมได้ ว่า
เป็นฉันทามติ เพื่อให้ กกท. ดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่าง กสทช. และ กกท. เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนรวมถึงผู้ด้อยโอกาส รับชมและเข้าถึงการถ่ายทอดสดการแข่งขัน ซึ่งต้องครอบคลุมการออกอากาศผ่านกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์ทุกประเภทที่อยู่ในการกำกับดูแลของ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- ‘กสทช.’ ขีดเส้น 15 วัน กกท. คืนค่าลิขสิทธิ์บอลโลก 600 ลบ. ไม่งั้นเรื่องถึงศาลปกครอง
- เทียบเอ็มโอยู 2 ฉบับ ‘กสทช.-กกท.’ VS ‘กกท.-ทรู’ โป๊ะแตกการกีฬา ไม่ทำตามกฎ
ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ กล่าวว่า กกท. ยืนยันมาโดยตลอดว่า เข้าใจและจะปฏิบัติตามเอ็มโอยู ระหว่าง กสทช. และ กกท. ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า การถ่ายทอดสดการแข่งขันจะต้องดำเนินการตามกฎมัสต์แครี่ ดังนั้น ที่ประชุม กสทช. จึงมีมติอนุมัติเงินสนับสนุน 600 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินตั้งต้น และเพื่อให้เพียงพอในการซื้อสิขสิทธิ์ แต่ถึงขณะนี้ เมื่อ กกท. ทำผิดข้อตกลง เพราะประชาชนไม่สามารถรับชมและเข้าถึงการถ่ายทอดสดการแข่งขันได้อย่างทั่วถึง กสทช. จึงจำเป็นต้องเรียกคืนเงิน ซึ่งได้ส่งหนังสือไปถึง กกท. เรียบร้อยแล้ว โดยระหว่างนี้ต้องให้โอกาส กกท. ได้ทบทวน และจะเชิญเข้าหารือร่วมกันอีกครั้ง
“ไม่รู้ว่า กกท. จะนำเงินจากส่วนไหนมาคืน เพราะถ้ามีเงินคงไม่มาขอรับการสนับสนุนจาก กสทช. แต่ขอให้การต่อสู้กันในศาลปกครอง เป็นเพียงทางเลือกหนึ่ง ซึ่งจะพิจารณาหาก กกท. ไม่นำเงินมาคืนภายใน 15 วัน หรือหาก กกท. ยกเลิกเอ็มโอยูที่ทำร่วมกับทรู เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 และเปิดให้ประชาชนได้รับชมการแข่งขันฟุตบอลโลกได้อย่างทั่วถึง กกท. ก็มีสิทธิ์ที่จะไม่คืนเงินได้ และเป็นทางหนึ่งในการแก้ปัญหานี้” ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณกล่าวและว่า
“กสทช. เป็นองค์กรกำกับดูแล แต่ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายเอ็มโอยูระหว่าง กกท. และทรู ได้ ซึ่งมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว เป็นเพราะเอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับ มีตัวบทกฎหมายที่แตกต่างกัน ระหว่างกฎมัสต์แครี่และกฎหมายลิขสิทธิ์ ดังนั้น จึงต้องชั่งน้ำหนักว่าอะไรสำคัญกว่า แต่อย่างไรก็ไม่สามารถละเมิดอำนาจศาลได้ ซึ่งยอมรับว่าหนักใจ และจะมีการปรึกษาสำนักงานอัยการสูงสุด ต่อไป โดย กสทช. มองว่า กฎมัสต์แครี่มีน้ำหนักและควรปฏิบัติตาม และหวังอย่างยิ่งว่า การแข่งขันฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศ คนไทยจะสามารถรับชมได้ทุกแพลตฟอร์ม และหลังจบการแข่งขันต้องมีการทบทวนกฎมัสต์แครี่ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ตอนนี้เร็วเกินไปที่จะพูดว่ายกเลิก”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :