‘อมตะ’ มั่นใจสัญญาณต่างชาติย้ายฐานมาไทยทยอยฟื้นตัว คาดยอดขายนิคมฯปี’66 โต10%
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า แนวโน้มการขายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมปี 2566 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 10% เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติเข้ามาต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตรถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ที่นักลงทุนเริ่มใช้ไทยเป็นฐานการผลิตมากขึ้น ทั้งนิคมอมตะซิตี้ ระยอง และนิคมอมตะซิตี้ ชลบุรี อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจโลกที่เริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยอาจจะกระทบการลงทุนแต่มองเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่การลงทุนภาคการผลิตเป็นการลงทุนที่มองระยะยาว ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2565 โดยเฉพาะยอดขายที่ดินในประเทศไทยเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อยู่ 700 ไร่ โดยเฉพาะ นิคมฯ จ. ชลบุรี ยอดขายที่ดินดีมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่มีศักยภาพ สำหรับการลงทุนทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ
“ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยเป็นสิ่งที่กังวลเพราะจะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุน แต่เชื่อว่าเป็นเพียงระยะสั้นเพราะแต่ละโครงการเมื่อมีการตกลงซื้อขายที่ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กว่าจะพัฒนาโครงการและเดินเครื่องการผลิตต้องใช้เวลาอีก 1 ปี”นายวิบูลย์กล่าว
สำหรับการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในส่วนของ AMATA ได้วางแผนการบริหารตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่มีความจำเป็นออกไป เพิ่มรายได้ประจำ (Recurring Income) อาทิ ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ค่าเช่าอาคารโรงงานสำเร็จรูป ฯลฯ ซึ่งบริษัทมีรายได้ส่วนนี้เพิ่มขึ้นในระดับ 50% และหวังว่าจะมีสัดส่วนรายได้จาก recurring income เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
ปี 2566 ธุรกิจสาธารณูปโภค น้ำ และไฟฟ้า มีการเติบโตต่อเนื่อง มาจากการลงทุนใหม่ และฐานการผลิตเดิม ทั้งนี้ การลงทุนใหม่ต้องพิจารณาจากปัจจัยบวกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ได้แก่ การเปิดประเทศของจีน ซึ่งไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน มีสิทธิประโยชน์ที่ดี โดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้มีการปรับสิทธิประโยชน์ของประเทศไทยให้ดีขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยเองยังเลือกอุตสาหกรรมที่มีอนาคต มีการพัฒนาพลังงานทดแทนเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับภาคการผลิต
“การพัฒนาโครงการใหม่ๆ ประเภทพลังงานทดแทน เป็นเรื่องเรามองข้ามไม่ได้ ซึ่งอมตะให้ความสำคัญ กับตรงนี้ เพราะ ทิศทางของโลกมีความต้องการใช้พลังงานทดแทน เพื่อรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่ง ทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยต้องทำหน้าที่ ในมุ่งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ หรือที่เรียกว่า Net Zero Emission โดยเร็วที่สุด ซึ่งอมตะได้พัฒนาธุรกิจที่สอดรับกับนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบ BCG model (เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม (ESG) ถือเป็นหัวใจสำคัญ”นายวิบูลย์กล่าว
อ่านข่าวน่าสนใจ
- พลิกที่ดิน 77 จังหวัด ‘ราคาประเมิน’ ถูกที่สุดในประเทศไทย วาละ 25-1,000 บาท
- เปิดรายได้ ‘อลวน 5’ หลัง เอ๋ ไพโรจน์ ลงทุน 30 ล้าน วอนช่วยไปดู-หวั่นเจ๊ง
- ช่างเสื้อ เปิดปากเล่าถึง ชุดเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ ปมขัดแย้งระหว่างเมแกน-เคท
- ‘ชูวิทย์’ แฉเหตุ ‘นอท สลากพลัส’ ซวย ถูกดีเอสไอบุก ยกสุภาษิต ‘อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้’