ณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน ทำนายเศรษฐกิจ 66 เมื่อจีนเปิดประเทศ

ทันทีที่ข่าวการจัดประชุมผู้ประกอบการชาวจีนโลก The World Chinese Entrepreneurs Convention (WCEC) ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ถูกเปิดเผยจากปาก ณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีนต่อเนื่อง 2 สมัย ก็กลายเป็นทอล์ก ออฟ ไทยแลนด์ ชั่วข้ามคืน โดยนอกจากนักธุรกิจที่คาดว่าจะเข้าร่วมถล่มทลายกว่า 3,000 คนแล้ว ยังมีเจ้าสัวบิ๊กเนมของไทยหลายท่านจ่อขึ้นเวทีอีกด้วย

“แนวคิดการจัดงานครั้งนี้ เพราะต้องการเร่งการฟื้นตัวทุกมิติหลังโควิดคลี่คลาย และเพื่อให้นักธุรกิจชาวจีนโลกมารู้จักไทยให้มากขึ้น หลังจีนประกาศเปิดประเทศเริ่มมีนักธุรกิจจีนติดต่อผ่านหอการค้าไทย-จีน เพื่อมาเจรจาลงทุนในอนาคตแล้ว เช่น บริษัทผลิตรถอีวี 2-3 ราย

“เราอยากให้มีรัฐวิสาหกิจจีนมาลงทุนในไทยอย่างน้อย 2 ราย หากได้จริงน่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนเป็นแสนล้านบาท เชื่อว่าจากปัจจัยเสี่ยงด้านความขัดแย้งของประเทศมหาอำนาจที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ ไทยจะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญประเทศหนึ่งของจีน”Ž ณรงค์ศักดิ์กล่าว

บนห้องทำงานชั้น 9 ของอาคาร Thai CC บนถนนสาทร ย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ ประธานหอการค้าไทย-จีน เลือดเนื้อเชื้อไขชาวจีนแต้จิ๋วแซ่ลิ้มจากหมู่บ้านเถ่งไฮ่ พร้อมเปิดเผยข้อมูลน่าสนใจรวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2566 นี้ ท่ามกลางบรรยากาศตรุษจีนครั้งสำคัญอันมากมายด้วยความหวัง หลังสาธารณรัฐประชาชนจีนกลับมาเปิดประเทศตั้งแต่ 8 มกราคมที่ผ่านมา (อ่าน หอการค้าไทย-จีน 113 ปีแห่งความภาคภูมิ)

-แนวทางการส่งเสริมทางด้านการค้าระหว่างไทย-จีนนับจากนี้ โดยเฉพาะหลังจากจีนเปิดประเทศ

ADVERTISMENT

การเปิดประเทศของจีนจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทย เพราะจีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐเท่านั้นเอง สำหรับการค้าระหว่างไทยและจีน

ช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา ในปี 2565 ขยายตัวถึง 3% อย่างไรก็ตาม มูลค่าการค้าที่ส่งออกจากไทยไปจีนลดลง 6.5% ซึ่งเป็นการหดตัวต่อเนื่องมาถึง 6 เดือน ยิ่งพฤศจิกายนเดือนเดียวหดตัวกว่า 5% แต่ยังต้องดูต่อไปเพราะช่วงนั้นจีนยังมีนโยบายโควิดเป็นศูนย์

จากการเปิดประเทศของจีน ผมว่านักธุรกิจส่วนหนึ่งเตรียมตัวเดินทางมาพบปะผู้ค้าอยู่แล้ว จากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาใช้แต่ออนไลน์ ซึ่งก็ได้ผลส่วนหนึ่ง แต่จริงๆ ต้องมาเจอหน้าเจอตากัน ตอนนี้จีนกำลังแสวงหาผู้ค้าและนักลงทุนในประเทศต่างๆ รวมถึงไทย หอการค้าไทย-จีนก็ให้ความร่วมมือ โดยส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจให้มากที่สุด มีการพูดคุยกันตลอดว่าหลังโควิดเราจะทำกันอย่างไร

ตอนนี้เรามีอีกตัวช่วยหนึ่ง คือโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว ซึ่งไทยก็พยายามเข้าไปเชื่อม เราทำทางคู่ วิ่งได้ถึง 100 กม.ต่อชั่วโมง ก็ใช้ได้ คิดว่าในอนาคตคงมีความเร็วสูงมา ตรงนี้ผมว่าเราได้อานิสงส์มากพอสมควร หมายความว่า ถ้าเปิดเดินทางได้นักท่องเที่ยวจะมาไทยเพิ่มขึ้น นักท่องเที่ยวจากชาติอื่นๆ อย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม พม่า ก็จะผ่านมาประเทศไทย มาเที่ยวภาคอีสานของเรา แล้วค่อยเดินทางต่อไปลาวและจีน

ส่วนการลงทุนระยะสั้นน่าจะส่งผลในภาคอสังหาริมทรัพย์มากกว่า คอนโดมิเนียมแบบลักชัวรี่ สัก 50 ล้าน-100 ล้านบาท คนจีนซื้อกันเยอะ ราคาสูงมาก ไม่ตกเลย

-นับเป็นเวลาต่อเนื่องถึง 9 ปีที่ไทยคือคู่ค้าอันดับ 1 ของจีน แนวโน้มปีนี้เป็นอย่างไร

มูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีนมีสัดส่วน 17.83% เป็นอันดับ 1 ส่วนสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นอันดับ 2 มีสัดส่วน 11% และญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับ 3 สัดส่วนประมาณ 10%

ด้านการนำเข้า จีนเป็นประเทศนำเข้าอันดับ 1 ของไทย โดยมีสัดส่วน 23.34% สินค้าที่นำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกล ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เครื่องคอมเพรสเซอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบต่างๆ เหล็กกล้า ฐานวงจรไฟฟ้า เป็นต้น

-บทบาทของหอการค้าไทย-จีน ในปี 2566 โดยเฉพาะการจัดการประชุมผู้ประกอบการชาวจีนโลกในเดือนมิถุนายนนี้

ในบทบาทขององค์กรเอกชน เราพยายามส่งเสริมวิธีการลงทุน การค้า แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และความเข้าใจอันดีระหว่างไทยกับจีน โดยระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายนนี้ เราจะจัดการประชุมผู้ประกอบการชาวจีนโลก The World Chinese Entrepreneurs Convention (WCEC) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดว่ามีผู้เข้าร่วมประมาณ 3,000 คน จาก 30 ประเทศ โดยเป็นคนจีนและชาวต่างชาติรวมกันประมาณ 2,000 คน คนไทยและคนจีนในประเทศไทยประมาณ 1,000 คน รวมถึงอาจมีหน่วยราชการสำคัญๆ ที่เราเชิญมาด้วย งานนี้จะช่วยนักลงทุนชาวจีนทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะในประเทศจีน คนจีนที่อยากมาลงทุนในอาเซียน หรือที่ไหน เราจะได้เสิร์ฟเขาทัน

ตอนนี้หอการค้าไทย-จีนก็เริ่มแล้ว หลังจาก 8 มกราคมที่ผ่านมา จีนเริ่มมีข้อกำหนดการกักตัวลดน้อยลง เราก็พยายามจัดโปรแกรมที่จะไปดูงานและศึกษาว่าจีนมีอะไรน่าจะลงทุนบ้าง อย่างที่ไหหลำก็น่าสนใจ เพราะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ช่วยระบบการลงทุนมากพอสมควร

 

-ความคาดหวังในการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้

เศรษฐกิจจีนไตรมาส 3 ขยายตัวถึง 3.9% หากรวม 3 ไตรมาสก็ยังขยายตัวได้ 3% ขณะที่ทุกประเทศยังไม่ค่อยดี และคาดว่าในปี 2565 ทั้งปีจะขยายตัวได้ 2.7% ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่กำหนดไว้ 5.5% สำหรับปีนี้คาดว่าจะฟื้นตัว จีนให้ความสำคัญในการรักษาควบคุมคุณภาพพัฒนาเศรษฐกิจ

ส่วนเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 เราขยายตัว 4.5% ในปี 2565 ที่ขยายตัวมาแค่ 3.2% คาดว่าในปี 2566 จะขยายตัวได้ถึง 3-4% สวนทางกับเศรษฐกิจโลกที่กำลังถดถอย ผมว่าไทยก็เป็นโอกาสที่จะลงทุนได้ดี และดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาได้มากพอสมควร

-ทุนจีนสีเทาžเป็นกระแสที่สังคมไทยวิพากษ์อย่างหนักหน่วง ทางหอการค้าไทย-จีนมีมาตรการอย่างไร กังวลประเด็นไหนเป็นพิเศษหรือไม่

หอการค้าไทย-จีนของเรามีนโยบายเรื่องเศรษฐกิจการค้า การลงทุน และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในทุกมิติภายใต้กรอบกฎหมายของประเทศไทย และกฎหมายของประเทศจีนด้วย ผู้ที่มาสมัครเป็นสมาชิกเรายินดีต้อนรับอยู่แล้ว แต่ก็ตรวจสอบอย่างรอบคอบ ตรงนี้ก็เป็นประเด็นที่พะวงอยู่เหมือนกัน แต่ผมว่าจีนเทาเป็นส่วนที่มีไม่มาก มีนิดเดียว ประเทศไหนๆ ก็มี อีกไม่ช้าคงเบาๆ ลง ประเทศไทยควบคุมได้

ผมยืนยันว่านักธุรกิจจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในไทยยังเชื่อถือได้ คนที่เข้ามาอย่างถูกต้อง ตั้งใจเข้ามาทำการค้าอย่างจริงจังมีมาก ไทยเราน่าอยู่ที่สุดแล้วในละแวกใกล้เคียง เพราะมีความปลอดภัยสูงพอสมควร ยิ่งเรื่องโควิดเราทำได้ดี ต่อจากนี้นักท่องเที่ยวจะมากันเยอะแล้ว

-ช่วงโควิดการเดินทางหยุดชะงัก ปีนี้ที่โลกเริ่มคลี่คลาย รวมถึงจีน มีแผนไปเยือน หรือจัดกิจกรรมในมณฑลต่างๆ หรือไม่

เรามีแผนเดินทางไปเยือนมลฑลต่างๆ ของจีน แรกๆ ผมจะไปเลย 22 มลฑล กับอีก 9 เขตเศรษฐกิจ ทั้งหมด 31 แห่ง แต่ไม่ได้ไปสักที่เลย คิดว่าอาจต้องไปให้ครบ เราติดต่อประสานหมดแล้ว 20 กว่ามณฑล อย่างไรก็ต้องไปให้เห็นกับตาจะถูกต้องที่สุด และประชาสัมพันธ์ในฐานะที่ไปอย่างแน่นอน ต่อจากนั้นก็จะเข้าไปทุกๆ มณฑล วันหนึ่งวิ่งสัก 2 มณฑล สัก 10 กว่าวันก็จบ แต่ผมคุยกับสถานทูตแล้ว บางมณฑลยังไม่รับนักท่องเที่ยว รับแต่นักธุรกิจ นักศึกษาและผู้กลับไปเยี่ยมญาติ

ปีนี้ผมคงเดินทางหนักมาก เราพยายามที่จะไปดูงานหนักๆ ที่ไหหลำและกวางตุ้ง พวกนี้ใกล้หน่อย พื้นเพเราพูดคุยกันบ่อย นอกจากนี้ ก็จะไปยูนนานทางตะวันตกของจีน เมื่อก่อนพวกสินค้าจะไปขึ้นทางตะวันออก เพราะมีท่าเรือ จากนั้นค่อยต่อรถไฟ หรือรถยนต์ ใช้เวลา 2 สัปดาห์ แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว ใช้ทางลัดข้ามจากหนองคาย ต่อรถไฟ ไม่ถึง 3 วันก็ถึงคุนหมิงแล้ว

2-3 ปีแล้วที่ผมไม่ได้ไปเซี่ยงไฮ้ งานเซี่ยงไฮ้แฟร์ (China international Import Expo-CIIE) มหกรรมสินค้านานาชาติของจีน ครั้งที่ 6 ในเดือนพฤศจิกายน 2566 ผมตั้งใจว่าปีนี้จะไปให้ได้ จะได้เชิญชวนทางสภาหอการค้าไทยไปจัดให้ใหญ่โตสักที เพราะเราหยุดมา 3 ปีแล้ว ส่วนกิจกรรมจะร่วมกับสภาหอการค้าไทย เรามีการหารือเรื่องต่างๆ และพยายามร่วมมือให้ใกล้ชิดที่สุด เพราะสภาหอการค้าไทยเป็นส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนการลงทุนในประเทศไทย เรายินดีร่วมกับเขาเต็มที่ และพยายามที่จะหาข้อมูลให้เด่นชัดที่สุดเพื่อเศรษฐกิจไทยในปี 2566 เพราะเศรษฐกิจโลกถดถอยกันหมด แต่ผมว่าไทยไม่น่าจะถอย เราน่าจะสวนทาง

-สถานการณ์ยางพาราซึ่งก่อนหน้านี้จีนและไทยร่วมกันอย่างแข็งขัน ปัจจุบันเป็นอย่างไร

การส่งออกยางพาราจากไทยไปจีนหดตัวลง 16% แต่ทุกวันนี้มีโรงงานผลิตยางรถยนต์ในไทยประมาณ 2 โรงใหญ่อยู่ที่จังหวัดระยอง และยังมีโรงเล็กๆ อีก จีนมาช่วยเราเยอะ ใน 1 วันโรงงานผลิตประมาณ 2-3 หมื่นเส้น ทำให้เราไม่จำเป็นต้องเอายางพารา หรือยางดิบส่งไปขาย แต่นำยางมาทำผลิตภัณฑ์แล้วส่งออก เราได้ทั้งเรื่องของแรงงาน วัตถุดิบเราก็ขายได้

นอกจากสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ยางจะขยายตัวแล้ว มันสำปะหลัง และรถจักรยานยนต์ประกอบก็ขยายตัวขึ้น จากการที่จีนเปิดประเทศ นักธุรกิจส่วนหนึ่งกำลังเตรียมตัวติดต่อมาทางผมเยอะ ช่วงก่อนปีใหม่ก็มีมาแล้ว

ส่วนเม็ดพลาสติกลดนิดหน่อย เพราะช่วงโควิดการใช้จ่ายลดลง อุปกรณ์ต่างๆ ก็ลด นอกจากนี้ ผลไม้แช่แข็งก็ลดด้วย แต่อย่าไปกลัว เราจะลุยตลาดทางตะวันตกของจีน

-เทรนด์ธุรกิจอื่นๆ ที่ส่อเค้ามีลู่ทางในอนาคต

โรงพยาบาลเอกชนตอนนี้กำไรมหาศาล ผมไปดูหุ้นทุกโรงพยาบาลกำไรหมด แล้วก็ไม่เพียงพอด้วย อินเดีย ตะวันออกกลาง เวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า และมาเลเซีย ยังมารักษาที่ไทย แล้วแพงมาก เข้ามาอยู่ 2-3 สัปดาห์ ใช้เงินเป็นล้าน ผมว่าไทยเรา เรื่องการแพทย์สุขภาพเป็นเทรนด์ที่ยังวิ่งต่อไป

-อวยพรตรุษจีน ปีเถาะ 2566
ขอให้การค้าการขายเจริญรุ่งเรือง มีความสุขสดชื่นตลอดปีใหม่ ซินเหนียนไคว่เล่อ สวัสดีปีใหม่ (ยิ้ม)