‘กรมที่ดิน’ เช็กยิบต่างชาติซื้อบ้านหรู สกัดยืมมือนอมินี ไล่ตรวจแหล่งที่มาของเงิน

‘กรมที่ดิน’ เช็กยิบต่างชาติซื้อบ้านหรู สกัดยืมมือนอมินี ไล่ตรวจแหล่งที่มาของเงิน จีนแห่ช้อปคอนโดย่านช้างคลาน รัสเซียเหมาพูลวิลล่าภูเก็ต ลุ้น 15 ก.พ.ดีเซลลดมากกว่า 50 สต.

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นางพนิตาวดี ปราชญ์นคร รองอธิบดีกรมที่ดิน ให้สัมภาษณ์วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ว่า กรณีทุนจีนและต่างชาติเข้ามากว้านซื้อที่ดิน ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและโรงแรม รวมถึงภาคอุตสาหกรรม ดำเนินธุรกิจแข่งขันกับคนไทยโดยหลีกเลี่ยงกฎหมาย กรมได้ทำหนังสือเวียนเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติให้สำนักงานที่ดินทั่วประเทศ กำชับให้ตรวจสอบรัดกุมมากขึ้น เช่น กรณีจัดตั้งบริษัทถือหุ้นโดยคนไทยมาซื้อบ้านราคาแพง ต้องตรวจสอบว่าเป็นผู้ถือหุ้นจริง ไม่ได้ถือแทนคนต่างด้าว (นอมินี) มีอาชีพอะไร เสียภาษีเท่าไร รายได้ต่อเดือน พร้อมแสดงหลักฐานทั้งหมด จากเดิมอาจจะตรวจสอบไม่ทั่วถึงว่าเป็นคนไทยมาซื้อแทนคนต่างด้าวหรือไม่

นางพนิตาวดีกล่าวว่า กรณีเป็นนิติบุคคล ปกติเมื่อเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ต้องตรวจสอบว่าเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทยหรือไม่ แต่หลังเกิดกรณีทุนสีเทา ตู้ห่าว กรมได้ตรวจสอบไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทำให้ทราบว่าหลังจากซื้อที่ดินและบ้านแล้วไปเพิ่มหุ้นเป็นนิติบุคคลต่างด้าว ซึ่งได้รายงานให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทราบ และมีการอายัดที่ดินไว้แล้ว หากตรวจสอบพบว่าเงินที่ซื้อมาจากการทำผิดจะยึดขายทอดตลาดและเงินจะตกเป็นของแผ่นดิน

“ปัจจุบันกรมประสานกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามาตลอดว่า มีการเพิ่มทุนว่าเป็นต่างด้าวหรือไม่ โดยทำข้อตกลงร่วมกัน และกำชับแนวทางปฏิบัติกับที่ดินทั่วประเทศให้สอบลึกไปถึงผู้ถือหุ้นว่าทำกิจการอะไร ทำนองเดียวกับคนไทยที่ไม่มีธุรกิจ แต่นำเงินมาซื้อที่ดินราคาแพงๆ ได้ เราก็ตรวจสอบเหมือนกัน เพื่อความรัดกุมมากขึ้นในการทำนิติกรรมและจดทะเบียน” นางพนิตาวดีกล่าว

  • ให้ต่างด้าวซื้อ 1 ไร่มีแค่ 8 ราย

นางพนิตาวดีกล่าวว่า ส่วนกรณีบุคคลต่างด้าวเช่าที่ดินหรือถือสิทธิเกี่ยวกับที่ดินประเภทอื่นในระยะยาว เจ้าหน้าที่กรมที่ดินต้องสอบสวนวัตถุประสงค์ในการเช่าที่ดินว่านำไปประกอบกิจการใด ผู้ให้เช่าถือกรรมสิทธิ์แทนบุคคลต่างด้าวผู้เช่าหรือไม่ หรือขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือไม่ สำหรับการให้สิทธิชาวต่างชาติถือครองที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยได้ไม่เกิน 1 ไร่ หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถอนร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ.ไปแล้ว และกลับมาใช้กฎกระทรวงเดิม ขณะนี้ยังไม่มีผู้ยื่นขอสิทธิเพิ่มเติม คือมีเพียง 8 รายที่เคยได้สิทธิและขอมาตั้งแต่ปี 2545 และถือครองที่ดินไม่ถึง 1 ไร่

Advertisement
  • จีนแห่ช้อปคอนโดย่านช้างคลาน

นายสรนันท์ เศรษฐี นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันมีต่างชาติมาซื้อคอนโดมิเนียมเป็นบ้านหลังที่สองในย่านช้างคลาน ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจของเชียงใหม่มากพอสมควร เนื่องจากเชียงใหม่เป็นเป้าหมายการท่องเที่ยวของคนต่างชาติ ส่วนใหญ่ที่เข้ามาซื้อจะเป็นชาวจีน รองลงมาเป็นเกาหลี อังกฤษ และญี่ปุ่น ซึ่งตามกฎหมายต่างชาติสามารถซื้อคอนโดมิเนียมได้ในสัดส่วน 49% ของพื้นที่โครงการ เช่น ใน 1 โครงการมี 300 ห้อง ต่างชาติสามารถซื้อได้เกือบ 150 ห้อง

นายสรนันท์กล่าวว่า ส่วนบ้านแนวราบกฎหมายยังไม่ให้ต่างชาติซื้อหรือลงทุนพัฒนาโครงการได้ จึงยังไม่เห็นการลงทุนโดยต่างชาติ จะมีบ้างก็เป็นการตั้งบริษัทร่วมลงทุนกับคนไทย โดยมีคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นหลักมาพัฒนาโครงการ ส่วนจะมีเบื้องหลังเป็นคนต่างชาติมาลงทุนเองทั้งหมดหรือไม่นั้น ไม่สามารถจะทราบได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การลงทุนโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมในเชียงใหม่ยังเป็นกลุ่มผู้ประกอบการท้องถิ่นและผู้ประกอบการจากส่วนกลาง เช่น แสนสิริ ศุภาลัย แลนด์แอนด์เฮ้าส์ เซ็นทรัล

นายสรนันท์กล่าวว่า หลังเกิดกรณีทุนจีนสีเทาเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย ทำให้กรมที่ดินตรวจสอบเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเข้มงวดมากขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ได้ไปโอนที่ดินที่ซื้อมาประมาณ 15 ไร่ ในนามบริษัทเพื่อพัฒนาเป็นโครงการบ้านจัดสรร กรมที่ดินได้ขอให้แสดงหลักฐานการเงินและที่มาของเงินเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบอย่างเข้มข้น

Advertisement
  • รัสเซียเหมาพูลวิลล่าภูเก็ต

นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวว่า กลุ่มทุนต่างชาติรวมถึงชาวจีนเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในภูเก็ตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว มีทั้งธุรกิจโรงแรมที่มาซื้อในช่วงโควิด ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับผู้ประกอบการท้องถิ่น หรือตั้งเป็นบริษัทมีคนไทยถือหุ้น 51% เพื่อทำโครงการคอนโดมิเนียมและพูลวิลล่า ส่วนธุรกิจร้านอาหารก็มีเช่นกัน ส่วนใหญ่เป็นคนจีนที่ไม่ได้อยู่ในประเทศจีนเข้ามาลงทุน

ตอนนี้ที่เข้ามาเยอะเป็นกลุ่มรัสเซียที่หนีหนาวและหนีสงครามมาอยู่เต็มเกาะภูเก็ต มาเหมาซื้อพูลวิลล่าราคา 50-60 ล้านบาท จัดเป็นโซนอยู่อาศัย และมีบางกลุ่มที่เช่าอยู่ยาว 6 เดือนถึง 1 ปี ทำให้ตลาดพูลวิลล่าเป็นที่นิยมและต้องการมาก โดยเฉพาะตลาดเช่าตอนนี้มีไม่พอ อัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า จากช่วงโควิดอยู่ที่ 20,000 บาท เป็น 40,000-60,000 บาทต่อเดือน ขณะที่โครงการใหม่ก็เกิดขึ้นรายวัน มีทุนท้องถิ่นและต่างชาติที่ตั้งบริษัทขึ้นมาลงทุนกันเยอะมาก แต่เป็นขนาดไม่ใหญ่ มีจำนวน 9 หลัง ราคา 10-100 ล้านบาท เพราะถ้าเกินต้องขออนุญาตจัดสรร นายพัทธนันท์กล่าว

  • แอลพีจีโลกพุ่งอุ้ม 9 บาท/กก.

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ได้จ่ายชดเชยก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) เพิ่มขึ้นจากเดิม 6.13 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เป็น 9.05 บาทต่อ กก. เนื่องจากราคาตลาดโลกเพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 642.40 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 738.19 เหรียญสหรัฐต่อตัน เนื่องจากมีความต้องการใช้ในช่วงฤดูหนาวของกลุ่มประเทศตะวันตก ประกอบกับภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้ปริมาณแอลพีจีในตลาดมีจำกัด ส่งผลต่อระดับราคาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การอุดหนุนดังกล่าวเพื่อตรึงราคาแอลพีจีครัวเรือนไว้ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กก. ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ตั้งแต่วันที่ 1-28 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนจะปรับขึ้น กก.ละ 1 บาท หรือ 15 บาทต่อถัง 15 กก. ตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม ทำให้ราคาแอลพีจีขยับเป็น 423 บาทต่อถัง 15 กก.

แหล่งข่าวกล่าวว่า ล่าสุดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 กองทุนน้ำมันฯติดลบ 111,409 ล้านบาท แยกเป็น บัญชีน้ำมันติดลบ 65,896 ล้านบาท และบัญชีแอลพีจีติดลบ 45,513 ล้านบาท โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น 471 ล้านบาทต่อวัน หรือประมาณ 1.31 หมื่นล้านบาทต่อเดือน จากการจัดเก็บเงินดีเซล ล่าสุด ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เก็บที่ 6.41 บาทต่อลิตร เนื่องจากหลังราคาดีเซลตลาดโลกอ่อนตัวลงจากความต้องการของจีนลดลง และระดับสินค้าคงคลังในสิงคโปร์อยู่ในปริมาณสูง

  • ลุ้น 15 ก.พ.ดีเซลลดมากกว่า 50 สต.

แหล่งข่าวกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ราคาดีเซลตลาดโลกที่อ่อนตัวลงน่าติดตามว่าจะสามารถลดลงได้มากกว่า 50 สตางค์ต่อลิตร จากมติคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่จะมีผลวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ หรือลดลงต่ำกว่า 34.44 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ หากกองทุนน้ำมันฯจัดเก็บดีเซลอยู่ระดับ 6-7 บาทต่อลิตรต่อไป ก็มีโอกาสที่ดีเซลจะลดลงได้ต่อ

ต้องติดตามดีเซลตลาดโลกหลังจีนมีแนวโน้มจะใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน จากกรณีการยิงบอลลูนว่าจะมีผลอย่างไร นอกจากนี้ หากรัฐตัดสินใจต่ออายุลดภาษีดีเซล 5 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ก็มีโอกาสที่ขายปลีกดีเซลจะลดมากกว่า 50 สตางค์ต่อลิตร แต่หากไม่ต่ออายุก็ต้องบริหารความเสี่ยงเพื่อนำรายได้ชำระหนี้ที่มีอยู่

 

 

 

ข่าวน่าสนใจอื่น:

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image