ขยายที่ดินนิคมฯปิ่นทองกว่า 1 พันไร่ เม็ดเงิน 2,000 ล้าน กนอ.ดันรับลงทุนอีอีซี

กนอ.ลงนาม นิคมฯปิ่นทอง ขยายที่ดินกว่า 1 พันไร่ เม็ดเงิน 2,000 ล้าน รับลงทุนอีอีซี เปิดดำเนินการไตรมาส 4 ปีนี้

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กนอ. หรือบอร์ด กนอ. อนุมัติให้ขยายพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) ส่วนขยาย จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ประมาณ 1,155 ไร่ ที่ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นการขยายจากพื้นที่เดิมในที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) ซึ่งโครงการดังกล่าวสอดรับกับนโยบายการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของรัฐบาล ที่วางเป้าหมายการลงทุนไว้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท ในปี 2566

การพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายนี้ ส่งเสริมให้เกิดการยกระดับมาตรฐานระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกของนิคมอุตสาหกรรม โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย สู่การเป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (SMART I.E.) พื้นที่ประกอบการอัจฉริยะ (SMART I.Z.) เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ สร้างความได้เปรียบในกระบวนการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ลดความสิ้นเปลืองพลังงานและความสูญเสียของทรัพยากรที่มีจำกัด เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน

“นอกจากนี้ ยังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และหากอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคลเพิ่มอีก 50% เป็นระยะ 5 ปีอีกด้วย” นายวีริศกล่าว

Advertisement

สำหรับพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) ส่วนขยายเมื่อ 10 ก.พ.66 นั้น นายธาดา สุนทรพันธุ์ รองผู้ว่าการ กนอ. และนายสุจินต์ เรียนวิริยะกิจ กรรมการบริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมลงนาม เพื่อรองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve และอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

โครงการ นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) ปัจจุบันมีพื้นที่ทั้งสิ้น 1,540 ไร่ เมื่อรวมพื้นที่ส่วนขยายอีกประมาณ 1,155 ไร่ จะทำให้โครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,695 ไร่ สำหรับพื้นที่ส่วนขยายนั้น จะใช้งบลงทุนประมาณ 2,500 ล้านบาท และคาดว่าพื้นที่ส่วนขยายจะสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาสที่ 4/2567

Advertisement

ทั้งนี้ โครงการฯมุ่งเน้นกลุ่มนักลงทุนเป้าหมายที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิตเป็นหลัก เช่น อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วน โดยการออกแบบยังคงใช้แนวคิดพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) พร้อมทั้งจัดให้มีพื้นที่สีเขียว และพื้นที่แนวกันชนเชิงนิเวศ (Eco-Belt) รอบพื้นที่โครงการฯ รวมถึงให้ความสำคัญกับการจัดการพลังงานทดแทน (Renewable Energy) โดยมีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) และการให้บริการไฟเบอร์ออพติกใต้ดินเพื่อการเชื่อมต่อความเร็วสูงในโครงการด้วย นอกจากนี้ ยังมีนโยบายนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วมาใช้ใหม่ในโครงการฯ เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษ และเป็นการประหยัดพลังงาน ซึ่งจำเป็นต่อการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมของชุมชนโดยรอบ ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

 

 

อ่านข่าวน่าสนใจ:

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image