‘มูลนิธิหยุดพนัน’ ค้านหัวชนฝา! กองสลากฯ ออกหวย 6 หลัก-เลขท้าย 3 ตัว

‘มูลนิธิหยุดพนัน’ ค้านหัวชนฝา! กองสลากฯ ออกหวย 6 หลัก-เลขท้าย 3 ตัว ซัด จุดประสงค์ไม่ชัด-หารายได้เข้ารัฐเกินควร

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (บอร์ดกองสลาก) ว่าได้พิจารณาแนวทางการจัดทำผลิตภัณฑ์สลากรูปแบบใหม่ ได้แก่ สลากกินแบ่งรัฐบาล สลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก (Number 3 : N3) และสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก (Lottery 6 : L6) ซึ่งข้อสรุปจะนำเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาอีกครั้ง ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะเริ่มดำเนินการได้ภายในปีนี้ นั้น

นายธนากร กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้ง 2 รูปแบบ เมื่อพิจารณาสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก (Lottery 6 : L6) มองวามีรูปแบบคล้ายกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิม จึงเกิดการตั้งคำถามว่าการออกสลากใหม่ 6 ตัวนี้ ออกด้วยจุดประสงค์อะไร เช่น เพื่อแก้ปัญหาสลากแพง หรือออกเพื่อทางเลือกให้ผู้ซื้อมากขึ้นเพื่อหารายได้เข้ารัฐเกินควรหรือไม่ ซึ่งยังไม่เห็นแนวทางดำเนินการที่ชัดเจน หากประเด็นที่ต้องการลดปัญหาราคาสลากขณะนี้มองว่าการดำเนินการขายสลากดิจิทัลเป็นทางเลือกที่ดี เพราะประชาชนสามารถซื้อสลากในราคา 80 บาทได้จริง

“ถ้าวิธีนี้สามารถคุมราคาได้อยากให้ดำเนินการเปิดขายเป็นสลากดิจิทัลทั้งระบบ หรือต้องหาวิธีให้ผู้ประกอบการรายย่อยเปิดขายสลากผ่านแอพพ์เป๋าตังค์ให้เป็นระบบเดียวกัน กรณีนี้ต้องยกเว้นให้ผู้พิการสามารถขายสลากใบตามเดิม เพราะมองว่ากองสลาก ต้องมีข้อมูลผู้ค้าสลากที่เป็นผู้พิการ และมีการกำหนดจำนวนรับซื้อต่อคนได้กี่เล่มตามเงื่อนไขที่กำหนด จึงมองว่าการกำหนดการขายสามารถดำเนินการได้”นายธนากร กล่าว

ขณะเดียวกัน มองว่าไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ เพราะกังวลจะเกิดปัญหาการขายสลากเกินราคามากขึ้น ปัจจุบันมีผู้ขายที่ได้โควต้าขายสลากบางรายมักนำสลากที่ซื้อได้ในราคาต้นทุนจริงและนำไปขายต่อเพื่อเพิ่มกำไรได้มากกว่านำไปขายเอง และผู้รับซื้อมือที่ 2 อาจนำไปขายต่อด้วยราคาที่สูงขึ้น ซึ่งสุดท้ายผู้ที่รับซื้อต่ออีกทอดจะโก่งราคาสูงขึ้น และผลกระทบจะตกสู่ประชาชนที่ซื้อสลากแพง โดยที่รัฐ หรือกองสลากไม่สามารถแก้ปัญหาสลากแพงได้จริง

Advertisement

นายธนากร กล่าวว่า ด้านสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก (Number 3 : N3) มองว่าเป็นการเพิ่มประเภทของสลาก หรือเพิ่มสินค้าให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสเล่น หรือลุ้นรางวัล รวมถึงตอบโจทย์ความต้องการขอผู้ซื้อที่ต้องการลุ้นรางวัลเล็กที่มีโอกาสถูกมากกว่ารางวัลใหญ่ ขณะเดียวกัน กลายเป็นว่าผู้ซื้อมีความต้องการซื้อมากขึ้น ทำให้คนใช้เงินซื้อสลากเพื่อเสี่ยงโชคมากขึ้น เพราะมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกซื้อลากหลาย จึงมองว่าการเพิ่มผลิตภัณฑ์เป็นการสร้างความไม่จำเป็นต่อประชาชนให้เลือกซื้อ หรืออาจเป็นการมอมเมาประชาชนได้

“ตั้งแต่มีการขายสลากดิจิทัล มองว่ากองสลากน่าจะมีการทำข้อมูลของผู้ซื้อและผู้ขาย เช่น ในงวดเดือนต่างๆ มีผู้ซื้อสลาก 1 แอคเคาน์ในจำนวนเท่าใด หรือมีผู้ซื้อสลากในแต่ละงวดเพิ่มขึ้นจากการเฉลี่ยข้อมูลซื้อขายในระบบ ส่วนนี้จึงมองว่ารัฐ หรือกองสลากมีข้อมูลอยู่แล้ว และเชื่อว่าหากมีการจัดทำข้อมูลเพื่อดูสัดส่วนการซื้อและขาย เชื่อว่าการเพิ่มสลาก หรือเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ไม่มีความจำเป็น” นายธนากร กล่าว

ข่าวน่าสนใจอื่น:

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image