ซื้อที่ดินทั่วไทยพุ่ง 1.2 หมื่นล้าน ทุนไทย-เทศแห่ช้อป ‘ภูเก็ต’ ฮอต ‘วิทยุ’ ทะยานวาละ 3.59 ล้าน

ปิดดีลซื้อขายที่ดินเปล่าทั่วประเทศพุ่ง 1.2 หมื่นล้าน เผย 3 เดือนแรกปี’66 ทุนไทย-เทศช้อปกระหน่ำ “ถนนวิทยุ” ราคาทะยานวาละ 3.59 ล้าน

วันที่ 8 เมษายน นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมการซื้อขายที่ดินเปล่าทั่วประเทศในปี 2565 พบว่ามีการปิดดีลการซื้อขาย จำนวน 19 แปลง เนื้อที่รวม 146.46 ไร่ คิดเป็นมูลค่ารวม 12,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.2% จากปี 2564 ที่มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 9,976 ล้านบาท โดยขนาดที่ดินมีการซื้อขายเป็นที่ดินแปลงเล็กอยู่ในกรุงเทพฯ จำนวน 8 แปลง เนื้อที่รวม 65 ไร่ มีตั้งแต่ขนาด 1 ไร่ ถึง 1 ไร่ครึ่ง อยู่ในย่านบางกอกน้อย ลาดกระบัง สุขุมวิท 29 สุขุมวิท 50 คลองตัน พัฒนาการ ส่วนต่างจังหวัดจะเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวเป็นหลัก เช่น ชลบุรี ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง สมุทรปราการ เชียงใหม่ ขอนแก่น เพชรบุรี(ชะอำ) เป็นต้น ด้านผู้ซื้อจะเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย และต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนญี่ปุ่นที่ร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทย ขณะที่จีนยังมีไม่มาก

นายภัทรชัยกล่าวว่า ส่วนในปี 2566 ผ่านมา 3 เดือนแรกของปี (ม.ค.-มี.ค.) มีการซื้อขายแล้วจำนวน 4 แปลง เนื้อที่รวม 190 ไร่ มูลค่ารวม 5,200 ล้านบาท อยู่ในกรุงเทพฯ จำนวน 2 แปลง ชลบุรีจำนวน 1 แปลงและพระนครศรีอยุธยาจำนวน 1 แปลง ซึ่งแปลงใหญ่สุดอยู่ที่เขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี เนื้อที่ 176.8 ไร่ แต่มูลค่าสูงสุดอยู่ที่ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ มีเนื้อที่ 1 ไร่ครึ่ง มูลค่า 2,400 ล้านบาท หรือราคา 3.59 ล้านบาทต่อตารางวา(ตร.ว.) โดยผู้ซื้อเป็นนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จากฮ่องกงที่ร่วมทุนกับผู้ประกอบการอสังหาไทย

“ไตรมาสของปีนี้ ดูจากตัวเลขซื้อขาย 5,200 ล้านบาท ถือว่าคึกคัก ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และนิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ของไทยที่ซื้อ ทั้งนี้ประเมินตลอดปีนี้ มูลค่าการซื้อขายมีแนวโน้มจะสูงขึ้นจากปีที่แล้วและมีมูลค่าเกิน 10,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในตลาด มีความต้องการซื้อที่ดิน เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใน 2-3 ปีข้างหน้า และอาจจะมีเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเข้ามาเป็นปัจจัยหนุนให้เจ้าของที่ดินหรือผู้ที่ถือแลนด์แบงก์ในมือจำนวนมา นำที่ดินออกมาขายกันมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา”นายภัทรชัยกล่าว

Advertisement

นายภัทรชัยกล่าวว่า สำหรับราคาที่ดินในตลาด ยังคงปรับตัวสูงขึ้นทุกปี โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 7-10% ซึ่งในแต่ละพื้นที่จะปรับขึ้นไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับศักยภาพของทำเล ในทำเลกลางเมืองจะปรับขึ้น ประมาณ 7-10% ส่วนทำเลนอกเมืองแต่อยู่ในเส้นทางของรถไฟฟ้าสายใหม่ เช่น สายสีเขียวส่วนต่อขยาย สายสีเหลือง สายสีชมพู สายสีส้ม จะปรับขึ้นมากกว่าในเมือง โดยเฉลี่ยจะปรับสูงขึ้นมากกว่า 10% เช่น สายสีเหลืองกับสายสีส้ม ราคาซื้อขายในบางพื้นที่อยู่ที่ 300,000 บาทต่อตร.ว.แล้ว

นายภัทรชัยกล่าวว่า ขณะที่ราคาที่ดินต่างจังหวัดที่ร้อนแรงที่สุดเป็นจ.ภูเก็ต หลังมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากส่วนกลางเข้าไปซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการกันมาก หลังตลาดอสังหาภูเก็ตกลับมาบูม รับกำลังซื้อต่างชาติโดยเฉพาะรัสเซียที่หนีสงคราม หนีหนาวเข้ามาอยู่อาศัยที่ภูเก็ตจำนวนมาก โดยเช่่และซื้อพูลวิลล่าอยู่ จนทำให้โครงการพูลวิลล่าสร้างไม่ทันขาย ขณะเดียวกันมีกลุ่มทุนรัสเซียได้ลงทุนพูลวิลล่าขายให้กับชาวรัสเซียด้วย

“จึงส่งผลให้ราคาที่ดินภูเก็ตปรับตัวขึ้นแบบก้าวกระโดด อย่างที่ดินฝั่งภูเขาจาก 8 ล้านบาทต่อไร่ เป็น 13 ล้านบาทต่อไร่ ส่วนเชียงใหม่จะเป็นกลุ่มคนจีน ด้านพัทยาตลาดพูลวิลล่าเริ่มคึกคักหลังเงียบไป 3-5 ปี แต่ยังเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่นที่พัฒนาและเป็นโครงการไม่ใหญ่ ระดับราคา 25-30 ล้านบาทต่อหลัง ซึ่งทำเลขายดีอยู่ฝั่งภูเขา เช่น ห้วยใหญ่ และผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มยุโรป สแกนดิเนียเวีย ขณะที่จีนมีเล็กน้อย “นายภัทรชัยกล่าว

Advertisement

ด้านนายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้บริษัทมีแผนจะขายที่ดินหลายแปลง ในโซนตอนเหนือ ตะวันออก และตะวันตก เพราะมีแลนด์แบงก์ในมือมาก ไม่อยากจะถือไว้นาน ล่าสุดกำลังปิดดีลซื้อขายที่ดิน 60-70 ไร่ มูลค่า 800 ล้านบาทหรือไร่ละ 12 ล้านบาท กับบริษัทอสังหารายหนึ่งและปลายปีนี้จะขายที่ดินรามอินทราติดสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู มูลค่า 2,000 ล้านบาท และแปลงอยู่ติดถนนรัชดาภิเษก มูลค่า 2,000 ล้านบาท

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ถึงเวลาเขย่า ‘ราคาประเมินใหม่’ วิทยุ-เพลินจิต วิ่งฉิว วาละ 2 ล้าน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image