สู้พิษไฟแพงโชว์รูมรถ เปิดพัดลมสู้แทนแอร์ ประหยัด20% พณ.กล่อม รพ.เอกชน ตรึงค่ารักษาพยาบาล

สู้พิษไฟแพงโชว์รูมรถ เปิดพัดลมสู้แทนแอร์ ประหยัด20% พณ.กล่อม รพ.เอกชน ตรึงค่ารักษาพยาบาล รับภาระไฟแพงแทนประชาชน

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลกระทบอุตสาหกรรมยานยนต์ต่อสถานการณ์ค่าไฟแพง ว่า ขณะนี้กลุ่มยานยนต์มีการปรับตัวเพื่อประหยัดค่าไฟให้มากที่สุด อย่างโชว์รูมรถยนต์เวลานี้แทบทุกค่ายต่างมีนโยบายประหยัด ลดใช้ไฟ โดยหันมาเปิดพัดลมแทน และเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ลดลง เพราะปกติโชว์รูมลูกค้าจะไม่เข้าตลอดเวลา จึงสามารถประหยัดส่วนนี้ได้ ส่วนการประหยัดไฟฟ้าภายในโรงงาน ขณะนี้ทุกโรงงานตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เชื่อว่าทุกบริษัทพยายามหาวิธีการ ที่จะประหยัดไฟฟ้าและต้นทุนในส่วนนี้ โดยหลักการแล้วไฟส่องสว่างในโรงงานรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่เริ่มหันไปใช้โซลาร์เซลล์ หรือพลังงานจากแสงอาทิตย์แล้ว แต่ในจุดที่เป็นหลังคาทึบ นอกจากจะกันความร้อนจากแสงอาทิตย์แล้ว หลายโรงงานพยายามติดโซลาร์เซลล์มากขึ้น ซึ่งราคาไม่ได้แพงเหมือนสมัยก่อน และให้กำลังไฟค่อนข้างเยอะ

นายศุภรัตน์กล่าวต่อว่า อีกเรื่องที่หลายบริษัทให้ความตระหนักคือ เรื่องการใช้โซลาร์เซลล์กับเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งหากนำมาใช้กับเครื่องปรับอากาศจะค่อนข้างกินไฟ แต่ถ้าใช้กับพัดลมจะเหลือเฟือ ดังนั้นจึงหันไปเพิ่มจำนวนพัดลมและปรับอุณหภูมิแอร์ให้สูงขึ้นเล็กน้อย เบื้องต้นพบว่าช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 20%

ด้านนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงกรณีโรงพยาบาลเอกชนมีแผนปรับขึ้นราคาค่าบริการ เป็นผลมาจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าว่า กรมได้จัดประชุมหารือร่วมกับ นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน และผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชน อาทิ โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลยันฮี โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ โรงพยาบาลสินแพทย์ ได้รับการยืนยันว่ารับทราบนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ และยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการตรึงราคา และยังไม่มีแผนที่จะปรับราคา เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับประชาชน รวมทั้งจะร่วมมือกับภาครัฐในการที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ

Advertisement

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวถึงกรณีสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ออกมาระบุว่า ค่าไฟงวดปลายปี (กันยายน-ธันวาคม 2566) จะอยู่ที่ 4.30-4.40 บาทต่อหน่วย ในส่วนของ กกพ.ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบค่าไฟโดยตรงคงไม่สามารถระบุว่า ตัวเลขถูกต้องหรือไม่ เพราะยังไม่มีการพยากรณ์อย่างเป็นทางการ เป็นเรื่องอนาคต แต่แนวโน้มมีโอกาสลดลงจากงวดปัจจุบัน (พฤษภาคม-สิงหาคม 2566) ซึ่งอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย

 

อ่านข่าวน่าสนใจ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image