พณ.ลดเป้าเงินเฟ้อเหลือ 1.5% หลัง มิ.ย.ต่ำสุดรอบ 22 เดือน ชี้ 3 ปัจจัยกดดัน “เชื้อเพลิงราคาลง ผัก-หมูถูก”

พณ.ลดเป้าเงินเฟ้อเหลือ 1.5% หลัง มิ.ย.ต่ำสุดรอบ 22 เดือน ชี้ 3 ปัจจัยกดดัน ‘เชื้อเพลิงราคาลง ผัก-หมูถูก ฐานปีก่อนสูง’

วันที่ 5 กรกฎาคม นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนมิถุนายน 2566 เท่ากับ 107.83 สูงขึ้น 0.23% เทียบเดือนมิถุนายน 2565 และสูงขึ้น 0.53% จากเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อต่ำสุดในรอบ 22 เดือน นับจากเดือนสิงหาคม 2564 สาเหตุที่ทำให้เงินฟ้ออ่อนลง ได้แก่ ราคาเชื้อเพลิงปีนี้ต่ำกว่าปีก่อน ราคาเนื้อสัตว์อ่อนตัวลงโดยเฉพาะเนื้อหมู และฐานเงินเฟ้อปีก่อนสูง ซึ่งเป็น 3 ปัจจัยกดเงินเฟ้อให้ลดลง ทั้งนี้ เงินเฟ้อมิถุนายนปีนี้ ยังสูงจาก หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 3.37 % หมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.88% โดยสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น 334 รายการ ลดลง 59 รายการ และไม่เปลี่ยนแปลง 37 รายการ

สำหรับเงินเฟ้อทั่วไปในไตรมาส 2/2566 สูงขึ้น 1.14% จากหมวดอาหารสูง 3.96% หมวดที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ติดลบ 0.79% ทำให้ครึ่งปีแรก 2566 เงินเฟ้อสูงขึ้น 2.49% จากหมวดอาหาร สูง 5.07% และไม่ใช่อาหาร สูง 0.72%

“แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ ไตรมาส 3 มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังมีแนวโน้มทรงตัวและเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และอยู่ระดับต่ำเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้ง ราคาอาหารบางชนิด โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ที่คาดว่าจะลดลงตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับฐานราคาในปีก่อนอยู่ ในระดับค่อนข้างสูง ขณะที่ราคาสินค้าบางชนิด โดยเฉพาะผักและผลไม้ ไข่และผลิตภัณฑ์นม และอาหารสำเร็จรูป มีแนวโน้มสูงขึ้นจากอิทธิพลของภัยแล้ง รวมทั้งเศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ความขัดแย้งของโลก แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในหลายภูมิภาค และมาตรการรัฐต่างๆ รวมทั้งภัยแล้งที่อาจรุนแรงกว่าที่คาด ยังเป็นปัจจัยที่อาจทำให้เงินเฟ้อไม่เป็นไปตามที่คาดได้” นายวิชานันกล่าว

Advertisement

นายวิชานันกล่าวว่า ดูทิศทางปัจจัยที่มีผลต่อเงินเฟ้อ หลักๆ คือ ราคาเชื้อเพลิง ราคาผักสดเนื้อหมู และฐานเงินเฟ้อปีก่อนที่สูงมากในครึ่งปีหลัง ทำให้ทิศทางเงินเฟ้อครึ่งปีหลัง 2566 จะยังสูงในอัตราต่ำ เดิมนั้นคาดว่าบางเดือนจะติดลบ แต่ด้วยค่าเงินบาทอ่อนค่าและปรากฏการณ์เอลนิโญมีผลกระทบต่อผลผลิตและราคาอาจสูง จึงมองว่าเงินเฟ้อน่าจะยังเป็นบวกแต่ในอัตราที่ไม่เท่าปีก่อน ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ จึงปรับลดอัตราเงินเฟ้อทั้งปี 2566 จากเดิม 1.7-2.7% เป็น 1-2% โดยค่ากลางอยู่ที่ 1.5% จากเงินเฟ้อไตรมาสแรกสูง 5% ไตรมาส 2 สูง 1.14% และคาดไตรมาส 3 สูง 0.77% และไตรมาส 4 สูง 0.62% บนสมมุติฐานจีดีพี 2.7-3.7% ราคาน้ำมันดิบดูไบ 71-81 เหรียญสหรัฐ ค่าเงินบาท 33.50-35.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

สำหรับอัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ณ ข้อมูลล่าสุดเดือนพฤษภาคม 2566 พบว่า อัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัว โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของไทย อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ และต่ำที่สุดในอาเซียนจาก 7 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม)

เมื่อลงในรายละเอียดพบว่า เงินเฟ้อเดือนมิถุนายนสูงจาก โดยหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 3.37% ตามการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ อาทิ ผักและผลไม้สด (มะนาว ผักคะน้า กะหล่ำปลี เงาะ แตงโม ทุเรียน) ไข่ไก่ และไข่เป็ด เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณผลผลิตมีไม่มาก ประกอบกับความต้องการเพิ่มขึ้นจากการเปิดภาคเรียน และภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว นอกจากนี้ อาหารสำเร็จรูป (อาหารเช้า อาหารตามสั่ง) ราคาสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิต รวมถึงผลิตภัณฑ์นม (นมข้นหวาน ครีมเทียม นมเปรี้ยว) และข้าวสาร ราคาเปลี่ยนแปลงตามการจัดโปรโมชั่น อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง อาทิ เนื้อสุกร เนื่องจากมีปริมาณออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น และมีสต๊อกสะสมจากผู้ประกอบการรายใหญ่
ที่ขยายปริมาณการเลี้ยง ไส้กรอก เครื่องประกอบอาหาร (น้ำมันพืช มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) มะขามเปียก) ผักสดบางชนิด (ผักบุ้ง พริกสด) และอาหารโทรสั่ง (Delivery)

Advertisement

หมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.88% (YoY) ตามการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสำคัญ โดยปรับลดลงทั้งน้ำมันในกลุ่มดีเซล แก๊สโซฮอล์ และเบนซิน นอกจากนี้ เครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งเครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ และเครื่องซักผ้า ราคายังคงลดลงต่อเนื่อง รวมถึงเครื่องรับโทรศัพท์มือถือ ค่าของใช้ส่วนบุคคลและสิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด (ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว น้ำยาระงับกลิ่นกาย ผงซักฟอก น้ำยารีดผ้า) หน้ากากอนามัย และค่าสมาชิกเคเบิลทีวี ราคาปรับลดลง ส่วนสินค้าที่ราคาสูงขึ้น อาทิ ค่ากระแสไฟฟ้า เนื่องจากสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ รวมถึง ก๊าซหุงต้ม ค่าเช่าบ้าน ค่าโดยสารสาธารณะ (เครื่องบิน จักรยานยนต์รับจ้าง รถเมล์เล็ก/สองแถว) ค่าการศึกษา ค่าแต่งผมชายและสตรี

อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก เดือนมิถุนายนสูง 1.32% เป็นอัตราชะลอตัวต่อเนื่องจากเดือนพฤษภาคม 2566 ที่สูงขึ้น 1.55% โดยดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนนี้ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สูงขึ้น 0.6% จากเดือนก่อนหน้า คือ ตามราคาสินค้าในหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ที่สูงขึ้น 1.05% อาทิ ค่ากระแสไฟฟ้า จากการสิ้นสุดมาตรการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า 150 บาทต่อครัวเรือน สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วย ค่าเช่าบ้าน เครื่องแบบนักเรียน ค่าจ้างซักรีด ค่าบริการใช้อินเตอร์เน็ต และสิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด (น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างห้องน้ำ สารกำจัดแมลง) สำหรับสินค้าที่ราคาลดลง อาทิ น้ำมันเชื้อเพลิงในกลุ่มดีเซล ค่าของใช้ส่วนบุคคล (ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว สบู่ถูตัว โฟมล้างหน้า) ขณะที่ราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลงร้อยละ 0.02 อาทิ เนื้อสุกร ปลาทู ข้าวสารเจ้า ผักสด (มะเขือ มะนาว ผักบุ้ง) อาหารโทรสั่ง (delivery) และอาหารสำเร็จรูป/แพคพร้อมปรุง ส่วนไข่ไก่ ไข่เป็ด นมเปรี้ยว ผักและผลไม้สด (กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ผักคะน้า ทุเรียน ส้มเขียวหวาน มะม่วง) กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำดื่ม และน้ำหวาน ราคาปรับสูงขึ้นเล็กน้อย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image