แบงก์ชาติ ชี้ ช้อปปี้ให้สินเชื่อในแอพพ์ ทำได้แต่ไม่สนับสนุน เตือนเสี่ยงโดนเบี้ยวหนี้

แบงก์ชาติ ชี้ ช้อปปี้ให้สินเชื่อในแอพพ์ ทำได้แต่ไม่สนับสนุน-ไม่ควรทำ เตือนเสี่ยงโดนเบี้ยวหนี้

จากกรณีแพลตฟอร์มช้อปปี้ ทำสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ให้วงเงินผู้ใช้บริการผ่อนสินค้าบนแพลตฟอร์ม และชำระค่าสาธารณูปโภค แต่มีผู้ใช้บางส่วน นำวงเงินไปแลกเป็นเงินสด และยอมจ่ายดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมส่วนต่างค่าสาธารณูปโภค ซึ่งมีผู้สนใจเป็นจำนวนมากนั้น

เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธปท. กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดและ ธปท.พยายามตรวจสอบในแง่ของข้อเท็จจริงและมีการคุยในแง่ของผู้ให้บริการ ในเรื่องดังกล่าวซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น การปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลรูปแบบดิจิทัล (ดิจิทัลพีโลน) ของธุรกรรมลักษณะนี้สามารถทำได้อยู่แล้ว ซึ่งไม่ขัดในแง่ของหลักเกณฑ์ เพราะเป็นการตัดสินใจของลูกหนี้ที่มีเครดิตกับแพลตฟอร์มอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน เจ้าของบิลเองที่ต้องจ่ายค่าน้ำหรือค่าไฟก็มีความยินยอมและรับผลประโยชน์ร่วมกันตามเงื่อนไขของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มกำหนด

 

Advertisement

นายสักกะภพกล่าวว่า ประเด็นที่ ธปท.เข้าไปดูแลและกำชับผู้ให้บริการ ก็ต้องทำให้มั่นใจว่าในเรื่องของความเสี่ยงต่างๆ ที่มีต่อลูกหนี้ และคนที่เข้ามาใช้บริการในลักษณะดังกล่าวอาจจะมีความเสี่ยง โดยเฉพาะในเรื่องของธุรกรรมที่อาจมีการหลอกลวงหรือไม่ เจ้าของบิลเองอาจจะถูกยกเลิกในแง่ของการจ่ายบิลภายหลัง หลังจากที่ผู้ให้บริการจ่ายเงินให้กับลูกหนี้ไปแล้ว หรือลูกหนี้อาจมีความเสี่ยงไม่ได้รับเงินจากเจ้าของบิล ซึ่งการดูแลตรงนี้ต้องประชาสัมพันธ์ให้ลูกหนี้ทราบข้อมูล

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล

และส่วนหนึ่งอยากเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการช่วยคือเรื่องนี้อาจกระทบต่อวินัยทางการเงิน การปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม รวมถึงภาระดอกเบี้ยต่างๆ ต้องมีความชัดเจนและบอกให้ลูกหนี้ทราบข้อมูล เนื่องจากลูกหนี้ที่รับบริการนี้อาจเสียดอกเบี้ยค่อนข้างเยอะ

ธปท. กังวลเรื่องการใช้จ่ายเกินตัว เรื่องหนี้ครัวเรือน อย่างไรก็ตาม หากมีการอัพเดตข้อมูลเพิ่มเติมจะมีการให้ข้อมูลภายหลัง เพราะตอนนี้อาจเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดและ ธปท. เพิ่งติดตามผู้ให้บริการดังกล่าวไป” นายสักกะภพกล่าว

Advertisement

นายจิตเกษม พรประพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายคุ้มครองและตรวจสอบบริการทางการเงิน ธปท. กล่าวว่า สำหรับแนวทางการกำกับดูแลแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ให้บริการผลิตภัณฑ์เหล่านี้ รวมถึงมีการให้สินเชื่อลักษณะให้ประชาชนช้อปก่อนและจ่ายทีหลังว่า ต้องบอกว่าเจ้าของบิลมีความเสี่ยง หลังจากที่จ่ายเงินสดให้กับลูกหนี้ที่เป็นลูกค้าของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดังกล่าว ซึ่งได้จ่ายเงินให้กับลูกค้าไปชำระค่าไฟฟ้า

แต่หากลูกหนี้คนนั้นไม่ได้ผ่อนชำระเงินคืนแก่ผู้ให้บริการ รวมถึงไม่ได้จ่ายค่าน้ำและค่าไฟอาจจะทำให้ต่อไปลูกหนี้จะถูกตัดค่าน้ำและค่าไฟ ซึ่งถือว่าอาจจะถูกเบี้ยวเงินด้วยกันทั้งคู่ ซึ่ง ธปท.ไม่ได้สนับสนุนและไม่ควรทำ

นายจิตเกษม พรประพันธ์

“ในส่วนของผู้ประกอบการเอง ธปท.ได้กำกับเป็นการทั่วไปว่า ต้องดูแลความเสี่ยงของตนเอง หากลูกหนี้ทำบ่อยครั้งและทำมากขึ้น ผู้ประกอบการจะมีความเสี่ยง ส่วนเรื่องดิจิทัลพีโลน ผู้ประกอบการมีวงเงินสินเชื่อให้กับลูกหนี้ก็ไม่ได้ผิดวัตถุประสงค์ของการเพื่ออุปโภคบริโภค” นายจิตเกษมกล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image