โปร อินไซด์ ระดมทุนหนุนธุรกิจโต หวังใช้ระบบไอทียกระดับประเทศ จ่อเทรด mai ไตรมาส 3/67

แฟ้มภาพ

โปร อินไซด์ ระดมทุนหนุนธุรกิจโต หวังใช้ระบบไอทียกระดับประเทศ เตรียมเทรด mai ไตรมาส 3/67

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม น.ส.เบญญาภา เฉลิมวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIS เปิดเผยว่า บริษัทเป็นบริษัทย่อยของบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 91.40% โดยบริษัทเดินหน้าระดมทุน รองรับการเติบโตในอนาคต และพร้อมนำระบบไอทียกระดับประเทศไทย โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้ภายในไตรมาส 3/2567

น.ส.เบญญาภากล่าวว่า หลังจากเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยเสนอขายหุ้นไม่เกิน 140,000,000 หุ้น คิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 0.50 บาท โดยมีบริษัท สยาม อัลฟา แคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

“บริษัทมีความแตกต่างจาก บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC และ บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT โดยบริษัทเป็นไอทีที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มมากที่สุด และใกล้กับ End User ซึ่งบริษัทได้ยื่นไฟลิ่งไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 หลังจากนั้นปกติใช้เวลาประมาณ 4 เดือน ก.ล.ต.จะอนุมัติแบบไฟลิ่ง และคาดว่าน่าจะเข้าเทรดได้ทันในไตรมาส 3/2567” น.ส.เบญญาภากล่าว

Advertisement

น.ส.เบญญาภากล่าวว่า PIS ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษา วางแผน ออกแบบพัฒนา และติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยทางภายภาพและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแบบครบวงจร (ICT-Solutions) รวมถึงการบำรุงรักษาอุปกรณ์และระบบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SKY ถือหุ้นในสัดส่วน 91.40% หลังจากเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 67.70%

น.ส.เบญญาภากล่าวต่อว่า สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินหลักค้ำประกันกับสถาบันการเงินเพื่อใช้ในการขอออกหนังสือค้ำประกัน (LG) ให้กับงานโครงการ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในงานโครงการแก่ลูกค้าหน่วยงานภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2564-2566 บริษัทมีรายได้รวม 674.61 ล้านบาท 642.61 ล้านบาท และ 1,075.18 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 87.52 ล้านบาท 18.68 ล้านบาท และ 104.03 ล้านบาท ตามลำดับ

“บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัทภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท” น.ส.เบญญาภากล่าว

Advertisement

ด้านนายขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) ในเครือบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจการให้บริการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Facility Management) ในไทย คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 8-10% ในปีนี้ จากการฟื้นตัวของภาคธุรกิจหลังโควิด-19 แต่เนื่องจากผู้ให้บริการส่วนมากในตลาดยังให้บริการโดยเน้น รปภ.และแม่บ้านแบบเดิม

นายขยลกล่าวว่า ขณะที่ความต้องการ Smart Facility Management เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ผู้ให้บริการยังน้อยราย ส่งผลให้ธุรกิจของ Metthier ขยายตัวอย่างรวดเร็ว Metthier จึงปรับเป้ารายได้ปี 2567 จาก 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะโต 15% จาก 1,300 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 1,800 ล้านบาท โตกว่า 30% หลังจากบริษัทฯ ได้รุกทำการตลาดอย่างหนักตั้งแต่เปิดตัวบริษัทฯ อย่างเป็นทางการเมื่อปลายปีที่แล้วและได้รับผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

นายขยลกล่าวว่า ปี 2567 นี้จะเป็นปีแรกที่ Metthier จะรับรู้รายได้เต็มปี โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 30% จากรายได้รวมปีที่แล้ว (จากฐานลูกค้าเดิมของ SAMCO) เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวต่อเนื่องของกลุ่มอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า และกลุ่มโรงพยาบาล

“นอกจากนี้ Metthier ยังได้ขยายการให้บริการไปยังภาคเหนือ เพื่อรองรับการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้มีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจ Facility Management ขยายตัวตามไปด้วย” นายขยลกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image