เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่ ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษา มีคำสั่ง ให้เพิกถอนมติสภามหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.) กาญจนบุรี ในการประชุม ครั้งที่ 11/2551 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2551 ที่แต่งตั้งนายปัญญา การพานิช เป็นผู้รักษาการแทนอธิการบดีมรภ.กาญจนบุรี โดยศาลวินิจฉัยว่า การแต่งตั้งรักษาการแทนอธิการมรภ.กาญจนบุรี เป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย(ทปสท.) หารือและเตรียมเข้ายื่นหนังสือ ถึงสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ว่า ตนได้หารือกับนายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) แล้ว โดยได้ขอให้อนุกรรมการด้านกฎหมายของสกอ. ไปดูรายละเอียด แม้คำสั่งศาลปกครองดังกล่าว จะเป็นคำสั่งเฉพาะของมรภ.กาญจนบุรี แต่ก็มีผลกระทบต่อมหาวิทยาลัยอื่น ๆ อย่างแน่นอน เพราะอาจมีข้อโต้แย้งว่า มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ก็อาจต้องดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ไม่เช่นนั้น อาจถูกฟ้องร้อง มีปัญหา ดังนั้นจึงต้องมาดูว่า อนาคต เราจะทบทวนเรื่องนี้อย่างไร โดยให้ สกอ. ไปดูแนวทางเพื่อเตรียมปรับระเบียบการสรรหาอธิการบดีใหม่ ซึ่ง สกอ. จะออกเป็นแนวทางกลาง ๆ เพื่อให้มหาวิทยาลัยนำไปปรับใช้
นพ.อุดม กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ยังมอบหมายให้สกอ. ไปดูผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วย ซึ่งในส่วนของอธิการบดีปัจจุบัน ที่อายุเกิน 60 ปี จะไม่มีผลกระทบมากนัก แต่ถ้าใครมีคู่กรณีไปถูกฟ้อง ก็จะเป็นปัญหา ซึ่งตนคิดว่ามีแน่นอน และถ้าฟ้องเมื่อไรก็มีสิทธิที่จะหลุดจากตำแหน่ง เพราะต้องยึดตามคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด รวมถึงให้อนุด้านกฎหมายของสกอ. ไปตีความด้วยว่า กลุ่มผู้ได้รับการสรรหาเป็นอธิการบดีแล้วแต่อยู่ระหว่างการเสนอขึ้นโปรดเกล้าฯ ซึ่งเท่าที่ทราบมีมากพอสมควร จะมีผลกระทบด้วยหรือไม่ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ขณะเดียวกันยัง ไปดูว่า คำสั่งศาลปกครองสูงสุดนี้ สามารถใช้ได้เฉพาะกับมหาวิทยาลัยของรัฐ หรือรวมไปถึงมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐอื่นๆ ด้วย
“เรื่องกฎหมาย เป็นเรื่องของการตีความ อยู่ที่ว่าจะหยิบกฎหมายฉบับใดมาใช้ ตรงนี้ถือเป็นช่องโหว่ แต่จะมีหลักทางกฎหมายอย่างหนึ่งคือ ถ้าอะไรไม่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายของตัวเอง จะต้องไปใช้ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งเป็นกฎหมายกลาง ไม่ใช่ว่า ไม่เขียนไว้แล้วทำอะไรก็ได้ตามใจ อย่างไรก็ตามหลังอนุด้านกฎหมายของสกอ. ดูรายละเอียดข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ก็อาจจะต้องไปปรับแก้ข้อกฎหมายในร่างพ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศ. ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จึงจะสามารถทราบรายละเอียดที่ชัดเจน” นพ.อุดม กล่าว
นายวิริยะ ศิริชานนท์ ประธานทปสท. กล่าวว่า วันที่ 30 สิงหาคม เวลา 10.30 น.ทปสท. จะไปยื่นหนังสือ ต่อสกอ.และนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการศธ. ให้พิจารณาออกประกาศกลาง ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ในเรื่องการแต่งตั้งผู้ที่เกษียณอายุราชการเป็นอธิการบดี เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกแห่ง ลดปัญหาการฟ้องร้องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จากนั้นจะเดินทางต่อไปยื่นหนังสือ ต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
– ศาลชี้ผู้เกษียณหมดสิทธินั่งอธิการฯ หลังสภามรภ.กาญจนบุรีตั้ง’ปัญญา’
– ‘สุภัทร’สั่งอนุกม.เคลียร์ ตั้งคนเกษียณนั่งอธิการบดี หลังศาลชี้ตั้งรก.มรภ.กาญจน์ขัดกฎหมาย