เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม นพ.อําพล จินดาวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสุขภาพและสังคม กล่าวตอนหนึ่งในการแสดงปาฐกถา “ณัฐ ภมรประวัติ” ครั้งที่ 29 หัวข้อ “จากสาธารณสุขมูลฐานสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน PHC towards SDGs” ที่ห้องประชุมณัฐ ภมรประวัติ จัดโดยสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) เนื่องในโอกาสจัดงานวันคล้ายวันสถาปนา สถาบันครบรอบปีที่ 36 ว่า ในประเทศไทย ยุทธศาสตร์สาธารณสุขมูลฐานไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นการต่อยอดงานเดิม โดยได้ขยับยกระดับงานพัฒนาสาธารณสุขไปถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่ผ่านมาได้ขับเคลื่อนมาเป็นลำดับ จนเกิดการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ออก พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ เพื่อเป็นกฎหมายแม่บทด้านสุขภาพ ขยายความระบบสุขภาพออกไปกว้างขวางกว่าระบบสาธารณสุขเดิม โดยให้ความสำคัญต่อระบบความสัมพันธ์ทั้งมวลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ สู่การร่วมมือกันเพื่อสร้างสังคมสุขภาวะ 4 มิติ ยกระดับสถานีอนามัยทั่วประเทศเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล (รพ.สต.) ที่สนับสนุนการปรับทิศทางการสร้างเสริมสุขภาพ และการสาธารณสุขมูลฐานในยุคใหม่ ที่ก้าวไกลกว่าการสร้างการมีส่วนร่วมพัฒนางานสาธารณสุขชุมชนแบบเดิม
นพ.อำพลกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ได้พัฒนามาถึงยุค “ทุกภาคส่วน เพื่อสุขภาพของคนทั้งมวล” หรือ “All for Health for All” โดยมีระบบโครงสร้าง กลไก และกระบวนการทํางานที่หลากหลาย ไม่ใช่การทํางานเฉพาะภายใต้สาขาสาธารณสุขเท่านั้น การปรับระบบ กลไก และวิธีทํางานที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพที่กล่าวมาเหล่านี้ คือการปฏิรูประบบสุขภาพในหลายระดับ เพื่อให้การทํางานพัฒนาสุขภาพสอดคล้อง และเท่าทันสภาพสังคมโลก และโรค ที่เปลี่ยนไป เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เมื่อปี 2558 ที่สหประชาชาติได้ผลักดันแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ “Sustainable Development Goal : SDG” เพื่อให้ทุกประเทศทั่วโลกใช้เป็นกรอบ และทิศทางการพัฒนาร่วมกัน เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาทุกมิติอย่างสมดุล และเป็นองค์รวม ซึ่งการสาธารณสุขมูลฐานตั้งหลักคิด และหลักทําไว้ดี มีความชัดเจน แม้เวลาล่วงเลยมานาน แต่ไม่ได้ล้าสมัย
“ขออัญเชิญพระปฐมบรมราชโองการ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2562 เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป พวกเราควรทํางานพัฒนาสุขภาพ และสาธารณสุข สนองพระองค์ท่าน เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร โดยเน้น สืบสาน รักษา และต่อยอด หลักคิด และหลักทํา ของการสาธารณสุขมูลฐานให้พัฒนาก้าวหน้าสืบไป” นพ.อำพล กล่าว
