สรุปประเด็น 2 พส. ไลฟ์สดแสดงธรรม เมื่อ ‘ธรรมะ’ ไม่ได้มีไว้แค่เทศน์ให้ผีฟัง

สรุปประเด็น 2 พส. ไลฟ์สดแสดงธรรม เมื่อ ‘ธรรมะ’ ไม่ได้มีไว้แค่เทศน์ให้ผีฟัง

เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์ ที่ถูกพูดถึงแพร่หลายในวงกว้าง เมื่อ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ และ พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ได้ออกมาไลฟ์สดสนทนา สอดแทรกธรรมะ ทางเฟซบุ๊ก และมีผู้เข้าชมไลฟ์สดพร้อมกันถึง 2.1 แสนคน และกลายเป็นที่พูดถึงในทวิตเตอร์ #พระมหาสมปอง #พระมหาไพรวัลย์ ขึ้นอันดับ 1 และ 2 ในทวิตเตอร์ ที่มีคนเข้าไปติดแท็กพูดคุยมากถึง 1 ล้านครั้งในแต่ละคำ ด้วยการพูดคุยที่เข้าถึงง่าย และทำให้หลายคนมีรอยยิ้ม

ก่อนจะเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม กระทั่ง สำนักงานพระพุทธศาสนา ได้ออกมากล่าวถึงประเด็นดังกล่าว

รู้จัก 2 พส. วัดสร้อยทอง

พระมหาสมปอง นับได้ว่าเป็นพระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของไทย เป็นชาวชัยภูมิ บรรพชาอุปสมบทเมื่อ พ.ศ. 2541 สำเร็จเปรียญธรรม 7 ประโยค ปริญญาตรี พุทธศาสตร์บัณฑิต เอกปรัชญา (เกียรตินิยมอันดับ 1) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปริญญาโท สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท พุทธศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และกำลังศึกษาปริญญาเอก ที่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

นับได้ว่าเป็นพระนักเทศน์ชื่อดัง ที่มักเทศน์ธรรมะย่อยง่าย ให้คนฟังเข้าถึง สอดแทรกความตลกขบขัน และยังมีรายการธรรมะและหนังสือธรรมะอีกจำนวนมาก เคยได้รับพระราชทานรางวัล “เสมาธรรมจักร” ประเภทส่งเสริมการเผยแพร่พระพุทธศาสนา งานสัปดาห์วิสาขบูชาโลก พ.ศ. 2551

Advertisement

ขณะที่ พระมหาไพรวัลย์ พื้นเพเป็นชาว อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี บวชเรียนตั้งแต่อายุ 12 ปี ที่จ.สุโขทัย ด้วยต้องการโอกาสทางการศึกษา เนื่องจากที่บ้านมีฐานะยากจน จบเปรียญธรรม 9 ประโยค ตั้งแต่เป็นสามเณร อุปสมบทเป็นพระภิกษุนาคหลวงชวชที่วัดพระศรีศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ก่อนจำพรรษา ที่วัดสร้อยทอง จบการศึกษา ปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และกำลังศึกษาต่อปริญญาเอก

พระมหาไพรวัลย์ นับได้ว่าเป็นพระรูปหนึ่ง ที่แสดงความคิดเห็นสนับสนุนประชาธิปไตย หลังการรัฐประหารปี 2557 และมักแสดงความคิดเห็น ให้ข้อคิดต่างๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย ในเรื่องเหตุการณ์บ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา

Advertisement

เริ่มไลฟ์สด เผยแพร่บุญ

พระมหาไพรวัลย์นั้น นับได้ว่าเป็นพระรุ่นใหม่ ที่มักหยิบยกประเด็นข่าวในสังคม ออกมาให้แง่คิดในมุมต่างๆ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียที่มีอยู่เสมอ ในช่วงโควิดนี้ พระมหาไพรวัลย์ ยังได้ลงพื้นที่ตามที่ต่างๆ นำเอาอาหาร และเสื้อผ้า ที่ญาติโยมช่วยกันบริจาค ไปมอบให้กับผู้เดือดร้อนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นชุมชนรอบวัดสร้อยทอง หรือ ที่ต่างๆ อาทิ บ้านครูน้อย ที่เด็กๆได้รับความเดือดร้อน หรือ วัดถ้ำเขาชะอางค์ ที่ได้เปลี่ยนวัดเป็นโรงครัว แม้กระทั่งแมว ที่หญิงรายหนึ่งเลี้ยงไว้กว่า 60 ตัว

โดยมักมีการไลฟ์สด พูดคุยกับคนไร้บ้าน และ ชาวบ้านอีกด้วย

ในช่วงวันพระ หรือ ช่วงที่มีกระแสสังคมต่างๆ พระมหาไพรวัลย์ ก็จะได้เปิดจอไลฟ์สด สอนธรรมะจากประเด็นต่างๆ ให้ญาติโยมได้ร่วมฟัง อาทิ สาระธรรมในวันแม่ , ความฮักมันควรสิมีสองคนเท่านั่น และ ความเชื่อเรื่องวันนรกแตก ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกับญาติโยมที่มาคอมเมนต์ ด้วยอารมณ์ดี มีหัวเราะสอดแทรกบ้างครั้ง ทั้งยังได้ปักหมุด ให้ญาติโยมได้ร่วมทำบุญกับกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ทำด้วย

การไลฟ์สดแต่ละครั้ง ได้มีการสอนธรรมะที่น่าสนใจ เข้าใจได้ง่าย อาทิ กฎแห่งกรรมมีจริงหรือไม่ ทำไมคนทำดีจึงไม่ได้ดี พระมหาไพรวัลย์ ได้สอนธรรมะเรื่องการทำความดี ว่า การทำความดี แล้วคาดหวังผลตอบแทน ไม่นับเป็นการทำความดีโดยบริสุทธิ์ใจ เป็นเพียงการเก็งกำไร เมื่อนำผลของกรรม ไปผูกกับโลกธรรม ก็จะทำให้คนคิดว่าการทำดีแล้วต้องได้โชคดี สุข ลาภ สรรเสริญ แต่การทำความดีโดยตัวของมันเอง ไม่ว่าจะได้สิ่งที่น่าพอใจ หรือไม่ได้ ก็ยังเป็นความดีโดยตัว

คอนเทนต์ปัง โดนใจญาติโยม

ด้วยความที่ พระมหาไพรวัลย์ ทันทุกกระแสโซเชียล ทั้งยังมีลีลาการใช้คำที่ไม่เหมือนใคร เมื่อ นำภาพของ นารา เครปกะเทย ที่ทำบุญวันเกิดในชุดปลากัด แบบ อแมนด้า ออปดัม มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์มาลงเพจ หรือภาพ หญิงรายหนึ่งเดินอยู่ข้างพระสงฆ์ที่กำลังรับบาติ ในชุดเดรสสีส้ม โดยว่า “พวกกะเทยมันชอบแกล้ง” และ “ดังนั้นจะมาใส่สีเดียวกันไม่ได้” ซึ่งเป็นคำที่เหล่า LGBT มักพูดกันติดปาก ก็ทำให้หลายคนให้ความสนใจ จนคนกดไลก์เพิ่มไปถึง 2.3 แสนราย

กระทั่งวันที่ 30 สิงหาคม พระมหาไพรวัลย์ ไลฟ์สดในชื่อตอน “พส. แสดงธรรม ไลฟ์นี้ขอคนไม่เล่น” ในช่วงที่หลายคนกำลังเคร่งเครียด ก็มีคนเข้าไปร่วมชมและคอมเมนต์กว่า 2 หมื่นครั้ง เข้าไปไหว้สา จำนวนมาก ซึ่งพระมหาไพรวัลย์ก็กล่าวว่า ไม่แนะนำให้ใช้ เพราะจะซ้ำกับเพจ VEEN ให้ใช้คำว่า นมัสการ แต่ก็ไม่ได้นำพา

พส. ในที่นี้ เป็นที่รู้กันในแวดวงว่าหมายถึง เพื่อนสาว หรือ พี่สาว แต่ พระมหาไพรวัลย์ แทนพส. ว่า พระสงฆ์

ไลฟ์นี้ หากเป็นฆราวาส คงเรียกได้ว่าเป็นไลฟ์แจ้งเกิด เมื่อมีผู้เข้าไปคอมเมนต์แซว และปั่นหลวงพี่จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น อยากถวายหมูกระทะ หรือ ต้นกระบองเพชร ที่ขอให้นำนิ้วจิ้ม เพื่อจะร่วมบุญ และขอเอฟ กระบองเพชร และโดเรมอน ทำเอาพระมหาไพรวัลย์ขำกับแต่ละคอมเมนต์ไม่น้อย

ซึ่ง พระมหาไพรวัลย์ ก็บอกว่า แกงท่านไม่บาป และยังให้ธรรมะ ว่าไม่ว่าจะอยู่สถานการณ์แบบไหน ก็อย่าทิ้งอารมณ์ขัน เพราะจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เรามีความสุขอยู่ หาเสียงหัวเราะให้กับตนเองบ้าง สมองไม่ต้องหนักตลอดเวลา

เสียงหัวเราะนี้เอง ได้เริ่มเป็นกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์ กระทั่งมีคนนำคลิปช่วงเวลาต่างๆ ไปโพสต์ลงในทวิตเตอร์ จน #พระมหาไพรวัลย์ เป็นที่นิยมทันที

ขณะเดียวกันก็มีสื่อจำนวนไม่น้อย เข้าไปสัมภาษณ์อย่างต่อเนื่อง

แจง แค่วิธีการสอนที่แตกต่างไป

หลังกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์ไปแล้วนั้น พระมหาไพรวัลย์ ได้ให้สัมภาษณ์กับข่าวสดว่า สำหรับสาเหตุที่เอาวิธีนี้มาสอนและให้ธรรมะกับวัยรุ่นในสมัยก็เพราะมองว่า สมัยก่อน อาตมาไลฟ์สดสอนธรรมมะ มีคนดูแค่ 20 คน ก็ไม่รู้ว่า ธรรมมะที่สอนไป ได้เข้าใจและนำไปปฏิบัติธรรมหรือไม่ แต่ปัจจุบัน ไม่มีใครชอบฟังธรรมะที่จริงจังเป็นเวลานาน ยิ่งวัยรุ่นสมัยนี้ไม่ชอบให้ใครสอน เขามักจะเรียนรู้ด้วยตัวเอง เราจึงใช้วิธีการพูดคุยแบบสนิทสนมเข้าถึงง่ายและสอดแทรกธรรมะให้กับกลุ่มวัยรุ่นที่เข้ามาฟังไลฟ์สดได้ฟัง ซึ่งมันก็ได้ผล วัยรุ่นชอบ ได้เรียนรู้ ได้ธรรมมะด้วย

ส่วนมีอีกกลุ่มหนึ่งที่มองว่าพฤติกรรมของอาตมาอาจจะไม่เหมาะสมหรือไม่นั้น อาตมาไม่ได้มีพฤติกรรมไม่สำรวม หรือนั่งกินหมูกระทะตอนกลางคืน แต่อาตมา แค่มีวิธีการสอนที่แตกต่างกันไป มองว่าการสอนธรรมะเราสามารถเลือกวิธีการเรียนรู้ได้ ชอบแบบไหนก็เลือกเรียนรู้แบบนั้น อาตมาไม่ได้นั่งขำตลอดเวลา ช่วงเวลาที่ไม่ได้สอนธรรมมะ ช่วงเวลาปกติ อาตมาก็เป็นเหมือนปกติ หรือถ้าหากว่าอยากจะให้สอนแบบจริงจัง อาตมาก็สอนได้ แต่ต้องดูกลุ่มคนที่เรียนรู้เท่านั้น

กระแสปัง สู่ไลฟ์สดแบทเทิล

พระมหาไพรวัลย์ ได้ไลฟ์สดต่อเนื่องตามกระแสเรียกร้องของญาติโยม ที่หลายคนมองว่าเป็นการผ่อนคลายในช่วงที่เครียดอย่างมาก วันใดที่มาไลฟ์สดช้า ก็มีญาติโยมทักแชทไปทวงถาม นิมนต์ให้มาไลฟ์สด แน่นกล่องข้อความ

และทำให้ศัพท์บางคำ กลายเป็นคำพูดติดปาก อาทิ สภาพ!! , … เท่ากับ…. , จึ้งมาก , สู่ขิต และ จะเทย ที่เป็นคำพูดของกลุ่ม LGBT อยู่แล้ว เป็นที่แพร่หลาย พร้อมคำคมที่นำไปโควทกันได้แบบรัวๆ

นำไปสู่การไลฟ์สดแบทเทิล พร้อมข้อความแชทกับ พระมหาสมปอง พระอาจารย์อีกหนึ่งรูปจากวัดสร้อยทอง ที่พระมหาไพรวัลย์ ได้ทักไปสอบถามว่า จะลงจากบัลลังก์ดีๆ หรือ ให้ยึดอำนาจ และว่า หมดยุคของ พส.แบบอาจารย์แล้ว

ทั้งยังได้โพสต์ภาพถ่ายคู่ พร้อมข้อความว่า “รักและนับถือกันดั่งซ้องปีบกับกาสะลอง” ก่อนไม่นาน จะประกาศไลฟ์แบทเทิล ให้ญาติโยมร่วมฟัง ศุกร์ 3 กันยาย สองทุ่มครึ่ง พร้อมเปิดให้ออกแบบโปสเตอร์ ร่วมสนุกอีกด้วย

สร้างปรากฏการณ์ 2 แสนวิว สดๆ

ศุกร์ 3 กันยายน เกือบ 3 ทุ่ม พส. ทั้งสอง ทั้งพระมหาไพรวัลย์ และ พระมหาสมปอง ก็สร้างปรากฏการณ์ให้โลกออนไลน์ แม้ว่าจะสะดุดกับปัญหาอินเตอร์เน็ต จนกระทั่งต้องไลฟ์ใหม่ แต่ก็ไม่ทำให้ญาติโยมห่างหาย ยังเข้ามาชมใหม่พร้อมกันกว่า 2 แสนวิว ประชันความฮากันอย่างรัวๆ

ในไลฟ์สด ยังได้สอดแทรกธรรมะอาทิ การใช้ชีวิตให้มีความสุข อย่ารอวันมีความสุข แต่ให้มีความสุขกับวันธรรมดา ซึ่ง ในไลฟ์สด ก็มีเสียงหัวเราะให้ญาติโยมอยู่ตลอดเช่นกัน

พระมหาสมปอง ยังได้ต่อสายหา หนุ่ม กรรชัย พิธีกรโหนกระแสคนดัง ที่ได้สอบถามพระทั้งสองรูปว่า ค่ำแล้ว ยังไม่จำวัดหรือ ขณะที่ น้าเน็ก ก็ได้ต่อสายเข้ามาว่า ไลฟ์สดครั้งนี้ ทำให้คนดูช่องของน้าเน็ก หายไปหมด ความนิยมได้พุ่งขึ้นเป็นอันดับ 1 ในทวิตเตอร์ทันที

ปรากฏการณ์ดังกล่าว ยังมีแบรนด์ทั่วฟ้าเมืองไทย เข้าไปคอมเมนต์กันรัวๆ ฝากร้านบ้าง ไหว้สาบ้าง จนแทบไม่เห็นคอมเมนต์ของญาติโยมที่เข้าไปชมทุกวัน ซึ่งพระมหาไพรวัลย์ ก็เอ่ยแซวว่า จะส่งบิลไปเก็บค่าฝากร้าน จนเกิดกระแสตีกลับในโลกออนไลน์ ว่าเพจเหล่านั้นมีการตลาดที่เข้ามาเอนเกจเมนต์ฟรี บางรายก็ยังได้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสม อาทิ ชวนไปเล่นหนัง หรือ ซีรีส์วาย ที่หลายคนมองว่าไม่เหมาะสม และล้ำเส้นมากเกินไป แม้แต่ความเห็นว่า ขอให้คอลเอาท์เรื่องต่างๆไม่เคยมา แต่เรื่องเช่นนี้กลับมาโดยไว

ทำให้พส.ทั้ง 2 รูป ได้กลับมาไลฟ์สดอีกครั้ง ไม่ติดใจกับแบรนด์ต่างๆ ทั้งขอบคุณญาติโยมที่มาร่วมฟังธรรมในไลฟ์สดกันก่อนหน้านี้ หลังจากที่แบรนด์ต่างๆ มาเบียดจนไม่เห็นคอมเมนต์ อย่างไรก็ดี ก็ยังมีคนเข้าไปชมกว่า 2 แสนคนสดๆ เช่นกัน

ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก ของพระมหาไพรวัลย์นั้น มีคนเข้าไปกดไลก์เพิ่มขึ้นนับล้าน ปัจจุบันมี 1,235,148 และ มีคนกดฟอลโลว์กว่า 1,746,227 ราย

ข้อห่วงใย พระผู้ใหญ่

กระแสดังกล่าว ทำให้ พระเทพปฏิภาณวาที หรือ เจ้าคุณพิพิธ วัดสุทัศนเทพวรารามฯ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ แสดงความเป็นห่วงว่า “พระมหาไพรวัลย์และพระมหาสมปอง เป็นน้อง อาตมารักและห่วงใย ถือเป็นพระเถระ พรรษามากกว่า 10 อยากรักษาทั้ง 2 รูปนี้ไว้ เพราะเป็นพระที่มีความรู้ดี จบปริญญา อาตมาเอง ไม่มีปริญญาสักใบ ไม่ตำหนิ แต่ถ้าปรับเปลี่ยนให้เข้ากระบวนการ 4 อย่างของการแสดงธรรมมาตรฐาน ตลกนิดๆ สาระเยอะกว่า เข้าประเด็น จะได้ไม่มีใครมาว่าได้ในประเด็นไม่ถูกสมณสารูป เพราะทั้ง 2 จะต้องเป็นพระผู้ใหญ่ในอนาคต

พระผู้ใหญ่หลายรูปมาเปรยกับอาตมา พระผู้ใหญ่ไม่ปลื้มเลย ไปลองถามๆ ดูก็ได้ อาตมาเป็นห่วงว่าทั้ง 2 จะไม่มีอนาคตในวงการคณะสงฆ์ ขนาดการเมืองนิดๆ หน่อยๆ ที่อาตมาพูด ยังร้อนระอุ อาตมาเคยโดนตำหนิมาก่อนแล้ว ผ่านมาหมดแล้ว”

ขณะที่ พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ก็ได้กล่าวว่า ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ทางเทคโนโลยี ซึ่งเอาภาพออกมา เสียงออกมา ท่าทางเสียงหัวเราะ อะไรต่างๆ เอาออกมาครบ คนที่ฟังก็ต่างระดับกัน ผู้สูงอายุก็อาจรู้สึกว่าพระออกอย่างนี้ได้หรือ แต่ที่จริงพระร้องแหล่ก็มีมานานแล้ว

และว่า “อยากฝากไว้ว่า อย่าไปตำหนิอะไรกันมากเลย เมื่ออายุ หรือพรรษามากขึ้น ความรู้สึกจะปรับเปลี่ยนไป ยังไงก็ขึ้นตาชั่งแล้วยังได้ประโยชน์ มีที่ไหนคนฟังธรรมะ 2 แสนคน มันอาจจะน้ำท่วมทุ่งสนุกสนานเบิกบานไปบ้าง แต่ก็ดีที่เทศน์ให้สนุกสนานไม่ใช่เทศน์ให้ง่วง ให้เครียด ให้หลับ”

พศ. ขอไม่วิเคราะห์ ชี้ เป็นหน้าที่เจ้าอาวาส

กระแสดังกล่าว ทำให้ นายสิปป์บวร แก้วงาม รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า การจะพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ หรือเจ้าอาวาส ซึ่งจะไม่วิเคราะห์แทนประชาชน เชื่อว่าทุกคนมีองค์ความรู้ ความคิดของตัวเอง

ทั้งยังกล่าวว่า แม้หลายคนจะมองว่าการแสดงธรรมเช่นนี้เป็นวิธีการใหม่ รูปแบบใหม่ ในการเผยแพร่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาออกสู่สังคม แต่สิ่งสำคัญในความเป็นพระภิกษุสงฆ์คือ ความสำรวมในความเป็นสงฆ์ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนสามารถพิจารณาได้เองว่าพระทั้ง 2 รูป ที่เผยแผ่พุทธศาสนาผ่านไลฟ์สดนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่

น้อมรับทุกกระแส ขอแสดงธรรมะต่อ

หลังจากมีการออกมาแนะนำ ตักเตือนจากพระผู้ใหญ่ รวมไปถึงสำนักพุทธศาสนาแล้วนั้น พระมหาไพรวัลย์ ก็ได้ออกมาเปิดเผยผ่านไลฟ์สดว่า ขอบคุณพระทั้งสองรูปที่ออกมาเตือน โดยเฉพาะกับพระพยอม เป็นพระปฏิบัติดี และให้คอมเมนต์ดี นี่คือพระผู้ใหญ่ที่วิจารณ์พระรุ่นน้อง ให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมา และรับฟังกระแสดราม่าต่างๆ

ทั้งยังชื่นชม อ.สิปป์บวร ที่ออกมาพูด หากจะเชิญไปปรับทัศนคติก็ยินดีให้ความร่วมมือ และอยากบอกว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นสิ่งมีประโยชน์ ช่วยคนได้ และขอบคุณญาติโยมทุกคนที่เข้ามาไลฟ์

ในช่วงท้าย พระมหาไพรวัลย์ ยังได้ฝากว่า อย่าเคลมความเป็นพุทธศาสนาไว้คนเดียว หากตัดทุกอย่างออกหมด แล้วจะเก็บธรรมะไว้ให้ใคร หากมีพระไตรปิฎกแล้วล็อกกุญแจ มีไว้เพื่ออะไร ต้องมีค่ามากกว่านั้นหรือเปล่า ธรรมะดีมาก ก็ต้องมีคนฟัง ไม่เช่นนั้นจะสื่อกับใคร

“ธรรมะทุกวันนี้ เป็นธรรมะที่มีไว้แค่เทศน์ให้ผีฟัง แต่คนตายไปแล้วก็ฟังไม่ได้ ธรรมะต้องมีประโยชน์ ต้องเอามาย่อย”

และว่า พระอาจารย์ก็ได้พูดเรื่องสาระ แต่หลายคนไม่ฟัง มาดูตอนขำอย่างเดียว

ยืนยัน ยังคงไลฟ์สดต่อไป

ทั้งนี้ พระมหาไพรวัลย์ ได้เปิดเผยผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ถึงกรณีคำแนะนำจากพระชั้นผู้ใหญ่ว่า ท่านเตือนก็น้อมรับฟัง แต่อาจจะมีวิธีคิดบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน เพราะอยู่กันคนละบริบท อย่างเวลาพูดถึงการมีอนาคต คำถามคือ อนาคตไปผูกกับอะไร อาตมาไม่เคยหวังอยู่แล้ว ว่าจะได้เป็นนู่นเป็นนี่ อาตมาไม่เอาอยู่แล้ว ส่วนจะลดก็ลดแน่ อาจจะไม่แตะการเมืองมาก พยายามไม่พูด ไม่แตะสินค้าแล้ว ก็แตะแบบให้มันสร้างสรรค์ อย่างเรื่องการเมือง ก็พูดในมุมว่าอย่าให้มีความรุนแรง ทั้งแก๊สน้ำตา หนังสติ๊ก

“ธรรมะ ที่กำลังได้รับการตอบรับ เป็นคนเจนใหม่ ที่เขาไม่สนศาสนา ไม่เอาศาสนาแล้ว เราอาจจะดึงคนกลับมาฟังให้แง่คิดได้ ก็อาจจะเป็นรูปแบบนี้ นี่เป็นธรรมะสำหรับเด็กที่อยู่ในอินเตอร์เน็ต หลังจากไลฟ์สดก็มีที่อินบ็อกซ์เข้ามา และมีมาหาที่วัดก็มี จากที่เปลี่ยนศาสนาไปในบัตรประชาชน สองทุ่มก็นั่งฟังเรา จากที่ไม่เข้าวัดแล้วก็มาวัดกับแม่”

และว่า รายการ กับพระมหาสมปองนั้น จะยังมีอยู่สัปดาห์ละครั้ง ในวันศุกร์

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image