สองหนังฟอร์มใหญ่ 12 strong กับ Maze Runner ภาคสุดท้าย

สองหนังฟอร์มใหญ่ 12 strong กับ Maze Runner ภาคสุดท้าย

สองหนังฟอร์มใหญ่ 12 strong กับ Maze Runner ภาคสุดท้าย

12 strong

เคยบอกแล้วว่าเป็นปลื้ม คริส เฮมส์เวิรธมาก ไม่ใช่เพราะแสดงดี แต่เป็นเพราะหล่อได้ใจมาก หนังเรื่องไหนที่พี่แกแสดง ต้องตามไปดู ดีมั่งไม่ดีมั่งไม่เป็นไร ขอแค่ไปดูหน้าก่อนละกัน

นอกจากหนังซุปเปอร์ฮีโร่เรื่อง Thor หรือ The Avengers ที่ทำให้คริส เฮมส์เวิรธ แจ้งเกิดในบทของเทพเจ้าสายฟ้าผู้มีค้อนโยเนียร์ (ที่ถูกทำลายไปใน Thor: Ragnarok) เป็นอาวุธแล้ว

เฮมส์เวิรธแสดงหนังอีกหลายเรื่อง ที่อารมณ์ออกแนวคล้าย 12 Strong ได้แก่เรื่อง Red Dawn เป็นเรื่องโลกสมมุติที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในอเมริกาถูกต่างชาติ (น่าจะเป็น) เกาหลีเหนือ บุกเข้าครอบครอง

Advertisement

12 Strong เป็นหนังที่เหมือนจะแนวเดียวกันกับ Red Dawn แต่น่าสนใจกว่ามาก หนังสร้างจากเรื่องจริงที่สหรัฐอเมริกาส่งทหารผู้กล้าจากหน่วย Green Berret ในชื่อ ODA 595 จำนวน 12 นาย มีผู้นำคือ ผู้พันมิตช์ เนลสัน (คริส เฮมส์เวิร์ธ) เข้าไปในอัฟกานิสถานหลังเหตุการณ์วินาศกรรม 911 เพียงวันเดียว เพื่อชักจูงให้กองกำลังฝ่ายเหนือของนายพลอับดุล ราชิด โดสตุม ( นาวิด เนกาบาน) ที่เป็นศัตรูคู่แค้นกับตาลิบัน เข้าร่วมกับอเมริกัน ทำการต่อต้านและยึดเมืองมาซารี ชารีฟ ที่เคยเป็นฐานที่มั่นของแนวร่วมฝ่ายเหนือคืนจากตาลิบัน

ปฏิบัติการ “เพิ่มพันธมิตร” และยึดเมืองคืนนี้ เป็นปฏิบัติการลับฉับพลันระดับชาติของอเมริกา ที่เป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญ ในการต่อสู้กับตาลิบันและอัลเคดาห์ ที่ถูกปกปิดหลายปี ภายหลังได้รับการเปิดเผยและมีการสร้างอนุสาวรีย์ทหารม้า (Horse Soldier Statue) ไว้ที่ Ground Zero ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งการไว้อาลัยเหตุการณ์ 911

แม้หนังจะสร้างจากเรื่องจริง แต่ใส่สีสันจนดูสนุก หน่วยรบพิเศษหน่วยนี้ต้องบุกเข้าไปในภูมิประเทศที่แสนหฤโหด ภูเขาสูงชันขรุขระ หุบผาลึก การรบต้องใช้ยุทธวิธีแบบโบราณ คือใช้ม้าเป็นพาหนะเข้าไปต่อสู้ในดินแดนศัตรู ทุกตารางนิ้วคือความเป็นความตาย เพราะฝ่ายตาลิบันมีกำลังพลมากกว่าหลายเท่า และมีทั้งรถถัง ปีนกลติดรถยนต์ และอาวุธหนักครบครัน

Advertisement

ผู้กำกับหนัง นิโคไล ฟูเกลอร์ซิก เพิ่งจะกำกับหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ผลงานที่ผ่านมาคือหนังโฆษณาแบรนด์สินค้า และจากการที่เคยเป็นช่างภาพข่าวที่ไปทำงานท่ามกลางสงครามโคโซโว และเคยได้รางวัลสิงโตทองคำจากงานประกวดโฆษณาคานส์ไลออนปี 2006 งานกำกับหนังของเขามีความน่าสนใจ ฉากการสู้รบต่างๆ ออกมาดูดี

คริส เฮมส์เวิร์ธ สลัดภาพเทพเจ้าสายฟ้าออกไปได้ เรื่องนี้มาดแมนมาก มีแอคชั่นเท่ๆ นำหน้าพากำลังพลตะลุยตาลิบันอย่างกล้าหาญ ท่าทางขี่ม้า จับปืนดูแคล่วคล่องสมกับการฝึกหนัก ไมเคิล แชนนอน (นายพลซอร์คจาก Man of Steel) ที่เคยได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ถึงสองครั้ง มาในบทฮาล สเปนเซอร์ เจ้าหน้าที่หน่วยระเบิด ช่วยเสริมหน่วย ODA 595 ให้มีความเข้มแข็งและมีความเป็นฮีโร่มากขึ้น

12 Strong เป็นหนังสงครามที่ดีกว่าที่คิด แอคชั่นการต่อสู้ในสงครามน่าตื่นเต้น น่าจะถูกใจคอหนังสงคราม เนื้อเรื่องไม่น่าเบื่อ ในความจริงภารกิจของหน่วย ODA 595 อาจแค่ถูกส่งมาหาข่าว แสวงหาความร่วมมือและเพิ่มพันธมิตร โดยหลีกเลี่ยงการปะทะ เพื่อกรุยทางก่อนสหรัฐฯ จะปูพรมจู่โจมเต็มกำลัง แต่หนังเพิ่มการสู้รบเข้าไปเพื่อเพิ่มสีสันให้เนื้อเรื่อง

Maze Runner ภาคสุดท้าย

ยอมรับว่าเป็นคนที่ชอบดูหนังที่สร้างจากนิยายดิสโทเปีย เพราะจินตนาการโลกดิสโทเปียมักจะเว่อร์วังเป็นแฟนตาซี กึ่ง Sci–fi กึ่ง Survival ตัวเอกก็มักจะมีความเป็นขบถ ไม่ยอมรับกฎเกณฑ์ที่สังคมกำหนด สร้างพฤติกรรมที่ทำให้หนังออกมาดูสนุก

อย่างเรื่อง The Hunger Games, Divergent ปีที่แล้วมีเรื่อง What Happened To Monday และที่กำลังจะพูดถึง Maze Runner: The Death Cure หนังภาคต่อภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์ Maze Runner

Maze Runner ภาคแรกปี 2014 เป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยและการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ตัวละครถูกตีกรอบอยู่ในพื้นที่จำกัด แต่เมื่อพระเอกของเรื่อง โทมัส (ดีแลน โอไบรอัน) ถูกส่งตัวเข้าไปในพื้นที่ ความเป็นหัวขบถประกอบกับอยากรู้ ช่างสงสัยตามประสาวัยรุ่นเลือดร้อน ปลุกให้เพื่อนคนอื่นในนามเดอะเกลดเดอร์ ก้าวข้ามวงกตออกมาเผชิญโลกภายนอก หนังสนุกมีปริศนาที่ชวนให้สงสัยและต้องติดตาม

ภาคสอง หนังเป๋ไปหน่อย แฟนหนังสือบ่นว่าไม่เหมือนนิยายที่อ่าน แต่ยังให้อารมณ์ที่อยากดูตอนจบ ซึ่งกว่าจะถึงภาค The Death Cure ก็ทิ้งห่างเกือบสามปี เพราะโอไบรอันบาดเจ็บสาหัสขณะถ่ายทำหนังเรื่องนี้ แต่กลับมาครั้งนี้ ต้องบอกว่ามาดเข้มมากขึ้น แอคชั่นทะมัดทะแมง ที่สำคัญหล่อกว่าเดิมจนสาวๆ ที่เคยติดใจ มินโฮ (กี ฮง ลี) ตัวละครเอกอีกคนจากภาคแรก น่าจะเปลี่ยนใจ

นักแสดงชุดเดิมมากันครบ นอกจากโทมัส มินโฮ แล้ว ตัวเอกฝ่ายชายอีกคนคือ นิวท์ (โทมัส โบรดี้ แซงสเตอร์) ที่ภาคนี้เป็นตัวเอก กุมหัวใจคนดูได้อยู่หมัด และเป็นตัวละครที่คนดูทั้งเอาใจช่วยและลุ้นจนตัวโก่ง

การผจญภัยของโทมัสและพรรคพวกในภาคนี้ เปลี่ยนจากการวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจากสัตว์กลายพันธุ์กรีฟเวอร์ (ภาคที่หนึ่ง) แคร้ง มนุษย์ที่กลายเป็นซอมบี้จากไวรัสแฟลร์ และองค์กรวิคเค็ด ( WCKD) ที่จับคนเป็นหนูทดลองเพื่อสกัดเซรุ่ม (ภาคที่สอง) มาสู่การประจัญหน้าสู้บุกทะลวง WCKD เพื่อเข้าไปช่วยมินโฮและเพื่อนๆ ที่ถูกจับไปในบททิ้งท้ายของภาคสอง

เปิดเรื่องด้วยภารกิจยึดรถไฟซึ่งคาดว่ามินโฮถูกลำเลียงมา แอคชั่นระห่ำสุดมัน ตื่นเต้น จนนึกว่ากำลังดูหนังประเภทบู๊ล้างผลาญ แม้ภารกิจสำเร็จ แต่มินโฮไม่อยู่ที่นี่ บททดสอบความเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายจึงเกิดขึ้น แม้ทางรอดยาก แต่โทมัสและนิวท์ก็ตัดสินใจลักลอบเข้าไปใน The Last City ฐานบัญชาการของ WCKD “เราเริ่มต้นมาด้วยกัน เราจะจบมันไปด้วยกัน”

The Death Cure ยาวมากเกือบสองชั่วโมงครึ่ง แต่ไม่น่าเบื่อ แม้ไม่ได้ดูสองภาคแรก ก็พอดูสนุก แต่คงไม่อินเท่ากับคนที่เคยดูและเห็นพัฒนาการของตัวละคร และความเป็นเพื่อนที่ผูกพันกันมาตามที่หนังปูพื้นไว้แต่แรก ไม่อยากให้ดูเอามันอย่างเดียว เพราะหนังซ่อนประเด็นเกี่ยวกับการก้าวข้ามชีวิตวัยรุ่นที่น่าสนใจไว้อย่างแยบยล

โทมัส นิวท์ มินโฮ และตัวละครอื่นๆ เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่แตกต่างกัน บางคนอยากรู้ อยากเห็นต้องการคำตอบ บางคนไม่สนใจอะไร แค่รู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยก็พอแล้ว

เขาวงกตคือก้าวแรกของความท้าทายที่ต้องเลือกว่า จะเลือกอยู่ที่ปลอดภัยไม่สนใจความเป็นไปอะไรทั้งนั้น หรือจะออกไปเผชิญโลกภายนอกที่ไม่รู้จัก ยอมรับความเสี่ยง และอุปสรรคต่างๆ ที่จะก้าวเข้ามาในชีวิต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image