สิคาริโอ 2 เงินค้ายาซื้อวัยรุ่นฆ่าคน

เมื่อปี 2558 หนังอาชญากรรมระทึกขวัญ  “สิคาริโอ” (sicario ภาษาสเปนหมายถึงมือปืน) ซึ่งเริ่มฉายด้วยโรงจำกัด ถูกเลือกให้เข้าชิงหนังยอดเยี่ยมปาล์มทองคำ ในเทศกาลหนังเมืองคานส์ จากนั้นหนังซึ่งลงทุน 30 ล้านเหรียญ ที่ทำรายได้กลับเกือบ 85 ล้านเหรียญ ก็กลายเป็นงานที่ถูกกล่าวขวัญในระดับหนังบู๊เขย่าประสาทแห่งปีไปเลย ทั้งยังถูกเสนอชื่อชิง 3 รางวัลออสการ์ 3 รางวัลบาฟตา กับอีกหลายองค์กร

จากพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ซึ่งทำงานนอกกฎ โดยมีอดีตทนายที่ลูกเมียถูกแก๊งค้ายาสังหาร ร่วมทำสงครามสกปรกต่อต้านขบวนการสกปรกด้วยวิธีตาต่อตาฟันต่อฟันเช่นเดียวกัน เพื่อโค่นล้มหัวหน้าที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเครือข่ายลงให้ได้

โดยมีเจ้าหน้าที่สาวซึ่งจำเป็นต้องเข้ามารับรองการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ ว่าเป็นไปตามครรลองกฎหมายอันเหมาะสมทุกประการ

การแสดงอันเยือกเย็นเหี้ยมเกรียมของนักฆ่าอดีตทนาย เบนิซิโอ เดล โทโร กับเจ้าหน้าที่หญิงซึ่งสับสนกับสิ่งที่เห็น เอมิลี่ บลันท์ ได้รับคำชมเชยรวมถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลหลายสถาบัน โดยมี จอช โบรลิน เจ้าหน้าที่ผู้นำหน่วยซึ่งเลือดเย็นไม่น้อยกว่าคนอื่นๆ คอยปรุงสีสัน

Advertisement

แน่นอน หนังพยายามสื่อสารกับผู้คนว่า หากเดินตามกฎกติกาสังคม รัฐบาลจะไม่มีวันชนะสงครามยาเสพติด และหัวหน้าแก๊งทั้งหลายจะลอยนวล

แต่ในด้านกลับ เม็กซิโกซึ่งเป็นฉากสำคัญของเรื่อง ที่ฝ่ายสหรัฐตามรอยธุรกิจมืดในการค้าคนลักลอบเข้าเมือง ซึ่งพ่วงยาเสพติดข้ามฝั่งมาด้วย โดยข้ามพรมแดนไปใช้กำลังอาวุธอย่างไม่ระงับยับยั้ง ทำให้นายกเทศมนตรีเมืองชายแดนที่ถูกระบุในหนัง ออกมาประท้วงความรุนแรงที่ปรากฏในภาพยนตร์อย่างดุเดือด

Advertisement

ถึงอย่างนั้น ปีถัดมา โครงการ สิคาริโอ เดย์ ออฟ เดอะ ซอลดาโด (Sicario : Day of the Soldado) ก็เริ่มดำเนินการต่อทันที มีสองดารานำชายจากตอนแรกเข้าร่วม แต่ผู้กำกับเดิม เดนี วิลเนิฟ ชาวฝรั่งเศสคะเนเดียน (“Arrival”, “Blade Runner”) เวลางานไม่สอดคล้อง จึงได้ผู้กำกับอิตาเลียน สเตฟาโน ซอลลิมา เจ้าของงานระทึก “กอมมอรา” (Gomorrah_2557) เรื่องชะตากรรมของสองหนุ่มเดนตายที่เลือกทางเลวร้ายเพื่อจะเป็นเจ้าพ่อ มากำกับแทน

แต่แม้เป็นผู้กำกับคนละคน หนังก็ยังคงเดินเรื่องด้วยความเครียดของเนื้อหา ซึ่งระบาดสู่ผู้ชมเช่นเดียวกับเรื่องที่แล้ว เพราะคนเขียนเรื่องเป็นคนเดียวกันคือ เทย์เลอร์ เชอริแดน (“Hell or High Water” ฯลฯ) แต่เรื่องก่อนหน้ามีต้นมีกลางมีปลาย ผู้ชมเรื่องนี้อาจโหวงเหวงสักหน่อย เนื่องจากตกอยู่ระหว่างกลางของการเล่าเรื่อง อาจจะรู้ที่มาแต่แน่ใจไม่ได้ว่าที่ไปจะเป็นอย่างไร

หนังจบแต่เรื่องยังไม่จบเบ็ดเสร็จอย่างตอนที่แล้ว และแม้เรื่องเหมือนยังไม่จบ ถึงไม่สร้างต่ออีกภาค ผู้ชมก็ไม่ติดใจอะไร เพราะวิถีอาชญากรรมเป็นเช่นนั้นเอง

เรื่องเริ่มด้วยระเบิดพลีชีพที่สังหารสาธารณชนโดยไม่คำนึงว่าเป็นเด็กหรือผู้หญิง ทำให้รัฐบาลสหรัฐประกาศตอบโต้อย่างรุนแรงสถานเดียวกัน โดยหน่วยงานรับผิดชอบระบุให้คนทำงานคณะเดิม หาทางเล่นงานกลับโดยไม่เลือกวิธี เมื่อสืบสาวได้ว่าแก๊งค้ายาเม็กซิกันเป็นฝ่ายจุดชนวน

รัฐบาลให้ “มือสกปรก” ทำ “งานสกปรก” โดยไม่เกี่ยวข้องด้วยเช่นปกติ โบรลิน กับเดล โทโร จึงกลับมาร่วมคณะกันอีกหน

หนังเดินเรื่องสองทาง ทางหนึ่งเจ้าหน้าที่วางแผนให้แก๊งค้ายาที่คุมเชิงกันอยู่ รบราฆ่าฟันกันเองเพื่อตลบหลัง โดยลักพาตัวลูกสาววัยรุ่นของหัวหน้าแก๊งหนึ่งมากุมไว้ แล้วไปฆ่าคนของอีกแก๊ง แต่ระหว่างคุมตัวเหยื่อข้ามไปกักในแดนของฝ่ายตรงข้ามในเม็กซิโก เหล่าตำรวจเม็กซิกันที่มาคอยอารักขากลับหันกระบอกปืนเข้าใส่หน่วยลับ แต่ถูกสังหารเรียบโดยมีเหยื่อลักพาเป็นพยานรู้เห็นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แถมหนีไประหว่างยิงกันสนั่นเสียอีก

จนเมื่อยิงกันเสร็จถึงได้พบว่าหายไปกับทะเลทราย เดล โทโรต้องเป็นคนออกตาม ระหว่างที่พลพรรคหนีกลับสหรัฐ

ขณะเดียวกัน อีกทางหนึ่งคือเด็กวัยรุ่นที่อยากมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ โดยไม่เหนื่อยยาก เข้ามาร่วมแก๊งนำคนข้ามพรมแดน ซึ่งไม่มีทางโคจรมาพบหน่วยงานลับเลย หากวันหนึ่งไม่เดินทะเล่อทะล่าตัดหน้ารถของโบรลินกับเดล โทโรในลานจอดรถ และจ้องมองหน้ากัน

เมื่อข่าวตำรวจเม็กซิกันถูกสังหารหมู่โดยกลุ่มคนที่ข้ามกลับไปฝั่งสหรัฐอึกทึกขึ้นมา แน่นอนว่ารัฐบาลต้องปฏิเสธ และสั่งหยุดปฏิบัติงานซึ่งตกลงใจให้สร้างสถานการณ์สงครามแก๊งขึ้นเองแท้ๆ เพื่อโค่นล้มหนามยอกอก มิหนำซ้ำยังสั่งให้สังหารเหยื่อที่ลักพามาเสียอีก หากติดขัดตรงไหนก็ให้กวาดเก็บไปเสียทั้งหมด ไม่สนใจว่าใครเป็นใคร ใครเคยทำงานให้

นี่คือรัฐบาล เอาตัวรอดก่อน

ทีนี้ผู้ชมจะเป็นอย่างไร ก็เมื่อเห็นโบรลินกับเดล โทโรเป็นฝ่ายเดียวกัน ที่ต้องเอาใจช่วยให้กำจัดผู้ร้าย จะต้องหันมาฆ่ากันเองหรือไร ทำใจไม่ได้ แล้วเป้าหมายที่วางไว้ก็ยังไม่ถึงไหน ต้องมาเลิกปฏิบัติการเสียกลางคัน เรื่องจะไปต่ออีท่าไหน

เรื่องก็ไม่ได้ไปต่ออีท่าไหน เพราะคำตอบอยู่ที่คำขาดของฝ่ายประสานงานรัฐมนตรีแล้วว่า กำจัดเด็กสาวเหยื่อลักพาตัวที่เป็นพยานการสังหารตำรวจ หรือคนที่ขัดขวางทั้งหมด “อย่างนี้เองถึงดีขึ้นไม่ได้สักที” โบรลินคำราม

“ใครอยากจะให้ดีขึ้นล่ะ นายทำงานมาตั้งนานยังไม่รู้เรื่องนี้อีกเหรอ” ผู้ประสานงานสาวใหญ่ แคทเธอรีน คีเนอร์ ตอบ “กำจัดให้หมด”

S_D035_09247.NEF

ในที่สุด หัวหน้าเครือข่ายแก๊งค้ายาก็ยังไม่ถูกฆ่า คณะทำงานสกปรกถูกลอยแพ เหยื่อที่อาจเป็นพยานเล่นงานรัฐบาลถูกตามขจัด ตกลงเรื่องนี้จะลงเอยแบบไหน คนที่เคยทำงานด้วยกันจะกลับมาฆ่ากันแบบทำร้ายจิตใจผู้ชมหรือไม่ พอดูหนังจบ เรื่องเหล่านี้ท่าจะไม่ใช่ประเด็นเสียแล้ว

กลับไปดูชื่อเรื่องอีกที มือปืน วันของพลทหาร ซอลดาโดคือทหาร จะเรียกว่าทหารหาญก็ดูไม่เหมาะ เพราะเป็นพลพรรคเหล่าอาชญากร เป็นฆาตกรผิดกฎหมาย มิใช่ทหารกล้าโดยนัยที่เป็นรั้วของชาติ เรื่องนี้ประเด็นจึงไปอยู่ที่บรรดาเด็กหนุ่มซึ่งหลงเข้าวังวนทุจริตมิจฉาชีพ ร่วมย่ำยีบีฑาสังคม

เด็กที่เดินทางลัดดำมืดแต่วัยรุ่น ส่งยา ค้าคน สามารถฆ่าคนได้ เริ่มจากการยิงประหารชีวิตเหยื่อที่ถูกมัดมือมัดเท้าตรงหน้า

เด็กเหล่านี้คือกิ่งก้านสาขาของร่มเงาทมิฬซึ่งแผ่ปกคลุมสังคมให้มืดลงเรื่อยๆ ในสงครามที่ปัจจุบันเห็นพ้องกันหลังไมโครโฟนหาเสียงว่า ใช้วิธีทางกฎหมายไม่ได้ เช่น ประธานาธิบดีดูแตร์เตแห่งฟิลิปปินส์บริภาษฝ่ายตะวันตกที่ประณามการใช้กำลังอาวุธแก้ปัญหายาเสพติด

มือปืนภาคนี้จึงเป็นเรื่องระหว่างทาง เหตุเกิดขึ้นแล้ว รายละเอียดกำลังดำเนินไป หลายสิ่งเกิดตามมามากมาย และยังไปไม่ไกลถึงจุดจบได้ง่ายๆ สังคมทุนซึ่งสร้างคนร่ำรวยขึ้นจำนวนหนึ่ง ส้องเสพอภิสิทธิ์อิทธิพลได้ยิ่งกว่าคนจำนวนมาก เงินเป็นบิดาของพระเจ้า ซื้อคนได้ ซื้อมือกฎหมายได้ อีกนานเท่าไหร่ที่คนซึ่งอุทิศตัวเสี่ยงตายทำงานต่อต้านความเลวร้ายที่บ่อนเบียนสังคม จะหมดกำลังกายหมดกำลังใจ
และเมื่อถึงวันนั้น โลกนี้จะตกอยู่สภาพไหน.

อารักษ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image