‘ทาทา’ เผยเส้นทางสาวน้อยมหัศจรรย์ จับเงินล้านตั้งแต่อายุ 14 งานอินเตอร์สะดุดเพราะมรสุมสุขภาพ

‘ทาทา’ เผยเส้นทางสาวน้อยมหัศจรรย์ จับเงินล้านตั้งแต่อายุ 14 งานอินเตอร์สะดุดเพราะมรสุมสุขภาพ

อยู่ในวงการบันเทิงมายาวนาน สำหรับ นักร้องซุป’ตาร์ ทาทา ยัง ที่เจ้าตัวได้มาเล่าถึงเรื่องราวชีวิตในปัจจุบันผ่านรายการ แฉ ทั้งเรื่องครอบครัว เส้นทางการทำงาน พร้อมย้อนไปถึงในยุคที่ประสบความสำเร็จสุดๆ จนได้โกอินเตอร์ รวมถึงสาเหตุที่ต้องเบรกงานไปให้ฟัง

‘ทาทา’ รับแยกทาง ‘หมอ’ ยุติชีวิตคู่ 6 ปี จบในวันที่ยังคุยกันได้ เหลือเพียงสถานะพ่อแม่

โดยสถานะกับ หมอ ฉัตรอดุลย์ ตอนนี้เป็นที่ดีต่อกัน เป็นพ่อแม่ที่ดีของลูก ยังคุยกันเรื่องลูกเพราะเราเลิกกันตอนที่ยังคุยกันได้

“เรื่องมันมีมาสักพักแล้ว ทารู้สึกว่าไม่อยากให้คนไปปั่นกระแสผิดๆ คือจะพูดอะไรก็พูดไป แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเรื่องของทา”

Advertisement

“คือทารู้สึกว่าชีวิตมันต้องมูฟออน แล้วทาก็ต้องดูแลลูก”

ทั้งนี้เมื่อถามถึงคนแบบทาทา เวลาเครียดเป็นอย่างไรเพราะทุกครั้งที่ต้องทำงานจับไมค์แล้วจะเปลี่ยนเป็นอีกคน เจ้าตัวก็ว่า

“มันคือความสุข พอเรามีทุกข์มากๆ เราก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เราได้มีโอกาสมอบความสุขให้คนอื่น พอเราได้เห็นคนอื่นมีความสุขเราเอาความสุขตรงนั้นมาเติมเต็มให้เรา ก็มีบุญที่ทำให้คนอื่นมีความสุขได้”

Advertisement

กับวิธีขจัดความทุกข์นั้น การได้ทำงานที่รัก ได้ร้องเพลง ทำเพลง ทำให้เราลืมเรื่องเครียดไปได้บ้าง การอยู่ตรงนี้กระแสโน่นนี่เยอะ ถ้าเราบาลานซ์ตรงนี้ได้ดีเราตัดเรื่องของความรู้สึก ต้องปล่อยวางได้

ความรักของทาตอนนี้สมบูรณ์นะ ทามีเร เรื่องแฟนทารู้สึกว่าความรักเป็นเรื่องสวยงาม ไม่ได้แปลว่าเราไม่เวิร์กกับคนนี้แล้วพังทลาย เราไม่สามารถมีรักครั้งใหม่ได้เลย ไม่อยากมองโลกแบบนั้น ทาไม่อยากจะปิดตัวเอง ไม่อยากจะต้องมองว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก็เปิดใจค่ะ”

นอกจากนี้ ทาทา ยังได้เผยถึงเส้นทางใหม่กับการเป็นดีเจเปิดแผ่น “ต้องบอกว่าด้วยความที่เราเป็นคนชอบทำเพลง ช่วงนี้ร้องเพลงก็ไม่ค่อยได้ เลยรู้สึกว่าอยากทำอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับเพลง ชอบฟังเพลง เลยทำเป็นมิกซ์อะไรแบบนี้ขึ้นมา แล้วก็เอาไปเปิดให้เพื่อนที่เป็นดีเจจริงๆ ฟัง เขาก็บอกว่าทำได้”

“ที่ผ่านมาเลยมีโอกาสได้ไปลองๆ นิดหน่อย เพราะยังไม่ได้เก่งมาก”

ด้วยความเป็นคนดนตรีการได้อยู่กับเพลงก็มีความสุข

ก่อนจะเล่าย้อนไปถึงตอนอายุ 14 กับความสำเร็จในวงการเพลงเป็นอย่างสูงเพราะยอดขายอัลบั้มทะลุล้านตลับเพียง 3 เดือนแรกเท่านั้น

“ตอนเด็กๆ อย่างเดียวที่ทาอยากเป็นและได้เป็นคือนักร้อง เป้าหมายชัดเจน และโชคดีที่โอกาสนั้นมันทำให้เราได้เป็น เราก็ต้องดูแลรักษาให้ดี”

จุดเริ่มต้นจากการประกวดร้องเพลง ก็ได้ทำงานเกี่ยวกับโฆษณาที่ทำมาตั้งแต่เด็ก โฆษณาตัวแรกถ่ายตอนอายุ 2 เดือนกับคุณแม่ ที่ได้ไปประกวดร้องเพลงเพราะคุณพ่อ ชมเด็กคนนึงในปีก่อนหน้าที่จะไปประกวดว่าร้องเพลงเพราะ

“เราก็รู้สึกอยากให้พ่อชมบ้าง เลยบอกไปว่าไอก็ทำได้ พ่อก็บอกว่าร้องเพลงมันไม่ได้ง่าย เขาก็พาไปเรียน 3 เดือนหลังจากนั้นก็ไปประกวด ปีแรกที่ไปก็ตั้งใจมาก ไม่ได้คิดว่าจะชนะ”

“พอประกวดเสร็จก็ยังมีงานโฆษณาอยู่บ้าง จนถูกเรียกมาแกรมมี่ แคสต์งานของพี่มอส (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) ก็คือมิวสิกวิดีโอเพลง เหลวไหล แล้ว อาเต๋อ เรวัติ เดินผ่านมาพอดี ก็ถามว่ามีความสามารถอะไรบ้าง ทาก็บอกว่าร้องเพลงได้ ก็ร้องเพลงขึ้นมา อาเต๋อเดินผ่านไปแล้วก็เดินกลับมาว่าเด็กคนนี้เป็นใคร ไปคุยกันหน่อย หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มาแคสต์ร้องเพลง อาเต๋อก็ถามว่าอยากเป็นนักร้องไหม คุยกันยาวมาก โดนบรีฟยาวมากว่าจะเป็นมันไม่ได้ง่าย ต้องฝึกว้อม มันเหนื่อย ต้องเรียนหนังสือรับผิดชอบ ซึ่งมันก็ไม่ง่ายจริงๆ

แต่เรารู้สึกว่าการตอบรับของแฟนคลับมันดีมาก ชีวิตเปลี่ยน เราได้ทำงานที่เราใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กๆ เรารู้สึกว่าโชคดีที่ไม่เคยต้องมาคิดเลยว่า เรียนสายไหน ต้องเลือกแล้วพลาดไป เราโชคดีต้องรักษามันไว้”

เส้นทางที่เรียกว่าได้ว่าเป็นแจ๊กพ็อต เพราะนอกจากเป็นงานที่รักแล้ว ยังทำให้เห็นเงินหลักสิบล้านตั้งแต่อายุยังน้อย และยังได้โกอินเตอร์ในยุคที่เป็นเรื่องไกลตัวของคนไทย

“อัลบั้มแรกทาไปยุโรป อัดที่สวีเดน เป็นโปรดิวเซอร์ที่ทำงานให้บริทนี่ย์ เราก็ไปที่นั่นอัดเสียง สร้างลุค เอาง่ายๆ วันนี้ถ้าให้เปรียบก็เหมือนน้องลิซ่า (ลลิษา มโนบาล) แล้วก็ได้เซ็นกับโซนี่ โคลัมเบีย ได้ออกอัลบั้มอินเตอร์ เป็นคนเอเชียคนแรกที่ได้เซ็นกับที่นี่ตอนอายุ 22”

“ตอนนั้นคือฟินมาก เพราะมีคนที่มองเราอยู่ว่าจะทำได้จริงหรือเปล่ากับสิ่งที่เราพูด พอเราได้ทำและสำเร็จเราก็รู้สึกว่ามันก็ดี”

แต่ที่ต้องหยุดการทำงานอินเตอร์ไว้ ทาทาเล่าถึงการต่อสู้กับโรคร้ายหลายโรค ทั้งไทรอยด์ นอนไม่หลับ ปัญหาเรื่องเสียง ที่เกิดจากการร้องและเดินทางหลายประเทศ โรคกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน ภาวะกระเพาะบาง ตอนนี้ก็มีปัญหาเรื่องฮอร์โมน

“มีลักษณะที่บินไปโชว์หลายประเทส พอตื่นมาแล้วเหวอว่าอยู่ที่ไหน ต้องโทรศัพท์ถามพนักงานโรงแรมว่า ฉันอยู่ที่ไหน ประเทศอะไร เคยหนักสุดคือนอนไม่หลับ 5 วัน ทั้งๆ ที่ต้องทำงานไปด้วย”

“อย่างไทรอยด์ อยู่ดีๆ น้ำหนักก็ขึ้นมา 17 กิโล ภายใน 1-2 เดือน อารมณ์แปรปรวนมากๆ ตอนนั้นมีช็อกรู้เลยว่าตนเองไม่ปกติแล้ว เพราะไม่ใช่คนที่ไปหาเรื่องกับใคร ก็ปรี๊ดเลย ทั้งๆ ปกติคุมอารมณ์ตัวเองได้อยู่ อารมณ์สวิงมาก”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image