หลังจากเรื่องราวชีวิตพลิกผันของอดีตนักร้องสาว โรสแมรี่ คาฮันดิง ที่เคยมีเพลงดังอย่าง ‘ให้ทำอย่างไร’ ได้รับการเผยแพร่ในโลกออนไลน์ โดยตอนนี้ชีวิตเธอนั้นค่อนข้างลำบาก เพราะเลิกรากับสามีกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวดูแลลูกชาย 4 ขวบ และต้องดูแลคุณพ่อที่ป่วย ตามที่ ‘มติชนออนไลน์’ ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านเพิ่มเติม : อดีตนักร้อง “โรสแมรี่”วอนช่วยเหลือ ชีวิตลำบาก พ่อป่วย ขายเครป เลี้ยงครอบครัว) ล่าสุดวันนี้ (22 กันยายน) โรสแมรี่ก็ได้มาเผยความคืบหน้าในรายการ ‘ปากโป้ง’ ทางช่อง 8 ว่าคุณพ่อได้เสียชีวิตลงแล้ว
โดยโรสแมรี่กล่าวว่า “คุณพ่อเพิ่งเสียไปเมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา คุณพ่อเป็นหัวใจตีบ กับปอดอักเสบค่ะ ก่อนวันที่คุณพ่อเสีย เป็นวันเกิดเรา เราก็ยังกราบเท้าท่านอยู่เลย วันนั้นท่านก็ทานข้าวเยอะ ปกติจะทานนิดเดียว วันนั้นทานเข้าเยอะ ยิ้ม ยังบอกอีกเลยว่าถ้ากินอย่างนี้อีก 2 วัน วิ่งปร๋อแน่เลย ท่านก็ยิ้มปกติดี แต่คืนนั้นรู้สึกแกเหนื่อยๆ เรายังจับขาแกอยู่เลย แต่ก็เหมือนสั่งเสียกันแล้ว แต่แกก็เสีย หลับไปเฉยๆ สำหรับสภาพจิตใจตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะแล้ว วันแรกตกใจนิดหน่อย แต่ว่าแกทรมานมาก ก็เลยคิดว่าแกไปสบายมากกว่าที่จะอยู่”
เธอยังบอกด้วยว่า “มันก็จะมีคิดถึงเป็นวูบ ๆ แต่ดีที่มีลูกอยู่ เขาก็จะคอยทำอะไรที่ขำขำ ชีวิตตอนนี้เดี๋ยวเสร็จงานศพคุณพ่อก็จะมีคอนเสิร์ตกับพี่ออดี้ (ธนยศ จิวานนท์) คอนเสิร์ตที่ช่วยเหลือคุณพ่อ ก็ยังจะจัดต่อ หลังจากนั้นแพลนที่บ้านเยอะมาก ขอบคุณทุกคนที่ส่งแพมเพิร์ส ส่งของใช้มาให้ หลังจากคอนเสิร์ตก็อาจจะเอาไปบริจาคให้บ้านพักคนชราและก็คนที่ขาดแคลน”
อย่างไรก็ตามโรสแมรี่เล่าวว่า เธอห่างหายไปจากการออกอัลบั้มเป็นเวลาถึง 19 ปี แต่ระหว่างนั้นก็มีการร้องเพลงอยู่ ได้เจอพี่ๆ เพื่อนๆ เพียงแต่ไม่ได้ออกสื่อ ดังนั้นที่หายไปจริงๆ น่าจะประมาณ 5 ปีหลังจากมีลูก โดยตอนนั้นตั้งท้องได้ 3 เดือนก็เลิกรากับสามีและไม่ได้เจอกันอีก
“ตอนนี้ก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ตอนแรกเราทำงานกลางวัน และกลางคืนสงสารลูกไม่มีคนดู ก็เลยตัดสินใจทิ้งทุกอย่าง และก็ไปเรียนทำขนมและก็มาขายเครปอยู่ที่บ้าน ตอนแรกก็ขายดี แต่หลังๆ ก็ดรอปลงไปบ้าง ถามว่าลำบากไหมก็ลำบากอยู่ ตั้งแต่มีคนมาช่วยก็มีงานเข้ามา มีงานก็ติดต่อมาได้นะคะ สำหรับเครปก็เริ่มมีคนติดต่อมาเพื่อไปออกบูทก็มี สำหรับค่าใช้จ่ายตอนนี้ก็ดูแลทุกอย่างนะ ก็หนักอยู่ค่ะ จริง ๆ คนที่มีลูกเล็กน่าจะรู้ พอพ่อมาล้มก็เลยมาซ้ำเข้ามาอีก ถึงขั้นพีคสุดก็เคยโทรไปขอเพื่อนให้ซื้อแพมเพิร์สกับนมมาให้ เพราะไม่ไหวแล้ว เรื่องกินอยู่ทุกอย่าง ก้าวเท้าออกจากบ้านก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว จุกจิก พอพ่อป่วยก็ต้องวิ่งไปวิ่งมา ค่ารพ.ก็ยังไม่ได้จ่าย ตอนที่โพสต์ลงโซเชี่ยลคือไม่ไหวแล้วจริงๆ ตอนนั้นเราก็คิดว่าไม่อยากทำแบบนี้เลย กลัวคนจะคิดว่าเรา ทำไมต้องทำขนาดนี้ กลัวความคิดด้านลบ แต่พี่ที่ช่วยเขาก็บอกว่าอย่าคิดแบบนี้ เราต้องการคนช่วยเหลือ ตอนนั้นท้อมาก ดีที่เรามีพี่ที่อยู่ข้าง ๆ เราตอลดให้คำปรึกษาเราตลอด” เธอบอก
และเล่าถึงอดีตสามีว่า เขาเพิ่งกลับมาตอนลูกอายุได้ 3 ขวบ แม้เขาจะมีเงินนิดหน่อยแต่ก็ยังเข้ามาช่วย ดังนั้นรายได้ส่วนใหญ่ของตนจึงมาจากการขายเครป แล้วก็มีการร้องเพลงบ้าง โดยตอนนี้ยังต้องผ่อนค่ารักษาพยาบาลของคุณพ่ออยู่อีก 148,000 บาท
สำหรับเรื่องการคิดสั้น โรสแมรี่ว่า “เคยอยู่นะ เป็นแว๊บๆ แต่สงสารลูก หันไปเห็นลูก เห็นพ่อ ก็รู้สึกว่าถ้าเราทิ้งไปนี่เราคงเห็นแก่ตัวมากเลย เลยสู้ที่สุด อยู่ไปก่อนเท่าที่เรายังไหว”
“ตอนแรกไม่คิดเลยว่าจะมีคนรู้จักเรา คนจะจำเราได้ พอข่าวออกไปก็มีคนคิดถึงเรา แม้กระทั่งเพื่อน ๆ ที่ไม่เจอนานแล้ว ก็ให้การช่วยเหลือ เราชอบคิดว่าเราไม่เหลือใคร แต่จริง ๆ แล้วเรามีคนดีดีอยู่ข้างกาย มีเพื่อน ๆ มีแฟน ๆ ส่งของมาที่บ้านก็มี เพื่อนในวงการมีเข้ามาช่วยเหลือเยอะแยะเลยค่ะ พี่ส่งนี่มาให้นะ พี่ส่งเป็นเงินนะ ส่งเป็นของนะ หลายคนอยู่ค่ะ ถ้าพูดชื่อกลัวไม่ครบ ตอนที่พ่อป่วยมีพี่ต่ายสายธาร ที่คอยติดต่อช่วยประสานงาน กับคุณนุ้ย เกศรินเรื่องรถมารับพ่อตอนฉุกเฉิน ช่วยได้เยอะมากจริง ๆ ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆจริงๆ ค่ะ” โรสแมรี่กล่าวในที่สุด
