‘แอ๊ด คาราบาว’ กับคำตอบชีวิตที่ได้ในวัย 68 ปี ยันอุดมการณ์ไม่เคยเปลี่ยน

แอ๊ด คาราบาวกับคำตอบชีวิตที่ได้ในวัย 68 ปี ยันอุดมการณ์ไม่เคยเปลี่ยน

ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต แอ๊ด คาราบาว หรือ ยืนยง โอภากุล ที่ล่าสุดได้มานั่งพูดคุยกับ อุ๋ย บุดด้าเบลส ในรายการ ‘คุยกับอุ๋ย’ ผ่านทางช่องยูทูบ บอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมา 68 ปี ทั้งเรื่องในวงการบันเทิง ชีวิตส่วนตัว ไปถึงธรรมะและอื่นๆ อีกมากมาย โดยในบางช่วงบางตอน แอ๊ด คาราบาว ได้บอกเล่าถึงการทำโครงการร้านถูกดีเพื่อช่วยเหลือร้านค้าแบบชาวบ้านหรือโชห่วย ให้พัฒนามากขึ้น รวมถึงข้อสงสัยของหลายคนในวันที่เขาติดอันดับมหาเศรษฐีว่าอุดมการณ์ความคิดเปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นนักดนตรีเพื่อชีวิตเพื่อประชาชนหรือไม่ มีคำตอบมาให้แล้ว

โครงการช่วยเหลือชาวบ้านร้านโชห่วยถูกดี มันเกิดจากความคิดที่ว่าทุกวันนี้ประเทศเรามันโดนโมเดิร์นเทรดหลายๆ แบรนด์บุกรุกเข้าไปตามชุมชน ระดับจังหวัดตอนนี้ระดับอำเภอแล้วต่อไปก็จะกลายเป็นระดับตำบลโชห่วยที่เป็นร้านค้าทั้งหมด 300,000 ร้านค้าจะตายหมด คือบ้านของพ่อเมื่อก่อนก็คือพ่อค้าทั่วไป เครื่องกีฬาเครื่องใช้ไม้สอยในครัวเรือน เราก็เห็นว่าร้านโชห่วยมันมีแต่ดาวน์ลงเพราะอะไรรู้มั้ย เพราะการบริหารจัดการของร้านโชห่วยมันไม่สามารถเทียบเคียงได้กับโมเดิร์นเทรด สอง ต้นทุนของร้านโชห่วยมันสูงกว่า มันเลยทำให้เราเห็นว่าถ้าเราปล่อยชาวบ้านตายหมด พวกเราอ่ะไปรังแกชาวบ้านตายหมดเราต้องช่วยให้ชาวบ้าน เราอยู่ได้ชาวบ้านก็อยู่ได้ ก็เลยต้องเข้าไปพยุงโชห่วยขึ้นมา

โดยเราไปจัดการให้เขาเป็นโมเดิร์นเทรดแบบพื้นบ้านแบบชาวบ้านไม่ต้องติดแอร์แต่ร้านสวยแสงสว่าง เมื่อ มองเข้าไปก็เหมือนมองในร้านโมเดิร์นเทรดปัจจุบัน เพียงแต่ไม่ได้ติดแอร์ ไม่ได้มีพนักงานใส่ยูนิฟอร์มเจ้าของร้านก็คือเจ้าของจริงๆ พอทำแบบนี้ก็ขายได้อัพเกรดขึ้นมาเลยเพราะหนึ่งของเราถูกกว่าเขา เพราะพ่อเป็นคนส่งเพราะเราซื้อล็อตใหญ่ตอนนี้ถูกดีมี 5,000 สาขา เป้าหมายของเราคือ 50,000 สาขาเพราะฉะนั้นเวลาพ่อซื้อของมาทีมันก็จะถูกมากต้นทุนจะถูกมาก แล้วเราก็ไปส่งให้ร้านถูกดีเขาขาย เขาไม่ต้องลงทุนเราลงทุนให้เขา เขาาแค่เตรียมที่ของเขาให้สะอาดตามสเปคเราก็คือปูกระเบื้องขาว ทาสีขาวหมด ติดไฟนีออนสว่างๆ แค่นั้นพอ แล้วอย่างอื่นแล้วเข้าไปทำหมดตู้แช่อะไรเครื่องคิดเงิน เครื่องสแกนเข้าไปให้หมด แล้วก็สอนเขาขาย เขาแฮปปี้ไม่ต้องไปซื้อของเพราะเรามาส่ง แล้วก็เช็คได้ว่าร้านนี้ขายอะไรดียี่ห้อไหนดีเราก็เอาไปส่ง เราก็ใช้เทคโนโลยีช่วยแต่สิ่งที่สำคัญนโยบายของร้านเราคือกินแบ่งไม่กินรวบ

Advertisement

เราทำธุรกิจก็จริงถามว่าเราต้องการรวยไหม ก็รวย แต่เราไม่ต้องการรวยเยอะ เราต้องการทำในสิ่งที่มนุษย์มันควรจะทำโดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งมันมีปัญหาทางสังคมเยอะมากการเหลื่อมล้ำต่ำสูง คนอีกหลายคนก็มีชีวิตที่ต้องเปลี่ยนแปรไปตลอด พ่อเอาแค่ 15% หลังหักจนเหลือกำไรแล้ว ศัตรูเพียบเลย (หัวเราะ) โดนถล่มเพียบเลย แต่ไม่กังวลเลยทุกวันนี้มีความสุขเพราะว่าสนุกกับมันถามเรื่องเงินได้ไหมได้แต่กำไรน้อยแต่ไม่ใช่ปัญหาแต่เราต้องการช่วยประเทศเมื่อก่อนเราเข้าป่าเราปฏิวัติเราจับปืนเราแพ้ แต่วันนี้เรามีโอกาสทำธุรกิจใหญ่ใหญ่ก็ใช้มันสิ เหนื่อยแต่ภูมิใจโคตรๆ

คนมองว่าพ่อเป็นฝั่งต่อสู้เพื่อคนยากจนมาโดยตลอดผ่านบทเพลง แต่พอมาทำธุรกิจยิ่งมาติดอันดับเศรษฐีลงนิตยสารForbes บางคนก็จะมองว่าเขาสู้เพื่อคนจนจริงหรอ ทำไมตอนนี้เขารวยขนาดนี้ คนที่เขามีมุมมองแบบนี้พ่อแอ๊ดอยากอธิบายหรือแล้วแต่นานาจิตตัง?

ชีวิตของคนเรา ผมมาจาก ไม่ได้จนนะ ที่บ้านมีร้านค้า แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยเพราะตอนเข้ามาเรียนกรุงเทพก็ยังต้องมาอยู่วัดอาศัยข้าวก้นบาตร ผมเป็นคนที่พ่อแม่ประหยัด ผมจำได้ว่าตอนที่เพราะผมใกล้ๆ จะเสียชีวิตท่านบอกว่ามาจะแบ่งมรดกให้ลูก 6 คน พ่อมี 2 ล้านบาท แบ่งให้ลูกเท่ากัน พ่อทำงานมาทั้งชีวิตมีเงินเก็บแค่ 2 ล้านบาท นั่นคือชีวิตของบ้านเรา มันก็ไม่ถึงกับจนนะ ก็มีกินทุกวันไม่อด แต่เราก็สู้สู้แบบบ้านนอกไม่ได้มีวิธีคิดแบบอื่น ซื้อมาขายไป ตัวนี้มันสอนให้เพราะคิดว่าถ้าเราไปช่วยเหลือคนที่เขาทำมาหากินอย่างนี้ เพราะฉะนั้นใครจะบอกว่าเรารวย แต่เรารวยเราไม่ได้ทำเรื่องที่ไร้สาระ โอเคเราอาจจะทำคาราบาวแดงเครื่องดื่มทำเหล้าทำอะไร แต่ในส่วนหนึ่งที่เราต้องการเข้าไปช่วยสังคมเราทำเรื่องตรงนี้ พ่อคิดว่าวันนึงประชาชนจะเข้าใจว่าสิ่งที่เขาอาจจะดูว่าจากเพื่อชีวิตแล้วกลายมาเป็นนักธุรกิจแล้วเป็นมหาเศรษฐีมันทำไม เปลี่ยนอุดมการณ์หรอ ไม่ใช่ นี่คือความความสำเร็จของผม ซึ่งผมก็ไม่รู้ ถ้าผมไม่มีพี่เสถียร พี่ใหญ่ ผมไม่มีวันนี้แน่นอน ไม่มีทางทำไม่เป็น ชีวิตมีแต่ดนตรี วันนี้เราพยายามตอบแทนแต่ไม่ใช่คำพูดแต่ตอบแทนด้วยสิ่งที่ทำ

Advertisement

เล่นดนตรีมา 40-50 ปีเคยลงไปต่อยกับคนดูไหม?

เคย 2-3 ครั้ง โดดลงไปเตะ สมัยก่อนเป็นคนใจร้อน เราเป็นคนใจร้อน เลยต้องใช้ธรรมะช่วยเยอะ ทุกวันนี้ก็ถ้าไม่มีธรรมะยังไม่รู้เลย มันไม่มีทางออกมันตันคือชีวิตคนเรามาถึงจุดหนึ่งถึงแม้คุณจะรวยล้นฟ้าล้นแผ่นดินคุณจะเก่งสามารถทำมาหากินแต่งเพลงร้องเพลงอะไร แต่ถ้าคุณขาดธรรมะวันนึงเวลาชีวิตคุณมีอุปสรรคคุณจะไปไม่เป็น แล้วคุณจะเข้าหายาเสพติดเพื่อให้มันลืมไป อันนั้นมันไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่เป็นการถมปัญหาเพิ่มเข้ามาอีก แต่ธรรมะถ้าเราเข้าใจมันจริงๆว่าคืออะไรแล้วธรรมะช่วยอะไรได้แล้วเข้าไปศึกษาใช้เวลากับเขาสักหน่อยรับรองคุณจะมีชีวิตที่ตามครรลองคลองธรรม

วงดนตรีส่วนใหญ่แล้วพี่เต๋อเคยพูดไว้ว่า ‘วงมีไว้แยก’ แล้วหลายๆ วงก็อยู่กันไม่รอด วงคุณพ่อทำยังไงถึงอยู่กันมาได้ถึงขนาดนี้มันไม่ทะเลาะกันมันเป็นไปไม่ได้ ผู้ชายอยู่ด้วยกันมันต้องมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง?

ทะเลาะ คือเราก็ต้องหาสมมุติฐานของเหตุของมันคืออะไรสาเหตุส่วนใหญ่วงที่ทะเลาะกัน หนึ่ง ผลประโยชน์ สอง ขัดแย้งทางความคิดเรื่องของการแต่งเพลง เรื่องของการเล่นเพลงใช่ไหม และสามอาจจะมีเรื่องผู้หญิงมาเกี่ยว แต่สิ่งแรกเลยที่หนักที่สุดเลยก็คือเรื่องเงินไม่ลงตัว อันนี้แหละที่ทำให้คาราบาวอยู่กันได้ทุกวันนี้ ก็จัดการตามที่ใครทำอะไรมากควรจะได้มาก ใครอยู่ก่อนควรจะได้มากกว่า ใครเข้ามาทีหลังควรจะได้น้อยกว่า แต่ไม่ใช่น้อยจนน่าเกลียดให้ทุกอย่างบาลานซ์

ทุกวันนี้แม้จะเป็นมหาเศรษฐีแล้วแต่ก็ยังเดินทางเล่นคอนเสิร์ต สิ่งที่ทำให้ยังเล่นอยู่ทุกวันนี้คืออะไร?

เพราะว่าเรายังมีธุรกิจ ของเหล่านี้วันนึงข้างหน้ามันต้องใช้พ่ออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ยังต้องเดินต่อไป สอง ดนตรีมันเป็นชีวิตของพ่อก่อนที่จะมาทำธุรกิจซึ่งประสบความสำเร็จ แต่พ่อก็ทิ้งไม่ได้เพราะเพื่อนในวงยังเป็นคาราบาวและยังต้องหากินอยู่ พ่อก็ต้องดูแลเขาแล้วก็ต้องเล่นไปกับเขา สาม ที่สำคัญที่สุดคือพ่อชอบชีวิตแบบนี้ ผมไม่ถนัดเรื่องธุรกิจผมนับเงินไม่เป็นผมยังไม่รู้เลยว่าตังค์ผมมีเท่าไหร่ ไม่รู้เลยว่าผมมีบัญชีมีอะไรก็ให้เมียดูแล ใช้เงินก็ไม่เป็นด้วยรถที่ซื้อมาก็มือสองทั้งนั้นไม่เคยซื้อใหม่หรอก

มีขนาดนี้แต่ใช้ชีวิตสมถะมาก?

เสื้อที่ใส่ก็บริษัทเอามาก็แค่ตัดแขนและจ้างข้างๆ บ้านเค้าเย็บ 40 บาทแค่นี้พอแล้ว (เห็นพ่อใส่เข็มขัดลูกเสือ?) ใช้มานานแล้ว 140 บาท มันก็อยู่อย่างนี้ง่ายๆ

ชื่อเสียงเงินทองลาภยศมีครบ สำหรับพ่อแอ๊ดมันไม่ได้เป็นคำตอบทั้งหมดของชีวิตหรือ?

ไม่ใช่ ชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นมีความรักความสามัคคีคือคำตอบของชีวิตที่ดี เลยทำให้เราหันหัวมาอีกทางหยุดเหล้าหยุดอะไรแล้วก็มาศึกษาธรรมะเพื่อใช้ธรรมะมาปลอบใจเรา มารักษาเรา โรคทางร่างกายหมอโรงพยาบาลรักษาให้เราได้ แต่โรคทางใจต้องใช้พระพุทธศาสนา พ่อก็เลยมุ่งเข้าหาพอเจอและพบก็ทำไมกูโง่อย่างนี้วะน่าจะใช้มาตั้งนานแล้ว นี่แหละทุกวันนี้ก็เลยพยายามบอกลูกๆ ทุกคนแต่เขาก็ยังไม่ค่อยเชื่อทั้งเมียด้วย เขาก็ยังไม่ค่อยเชื่อว่าให้ศึกษาธรรมะ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image