คนใกล้ชิดเล่าความเจ็บปวด ‘สุกัญญา มิเกล’ เมื่อเผชิญหน้าลูกสาว ปมตัดสัมพันธ์

คนใกล้ชิดเล่าความเจ็บปวด ‘สุกัญญา มิเกล’ เมื่อเผชิญหน้าลูกสาว ปมตัดสัมพันธ์

ก่อนหน้านี้ นักร้องดัง สุกัญญา มิเกล หรือ สุกัญญา เขียนเอี่ยม ได้โพสต์ตัดขาดกับลูกสาว สิ้นสุดการเป็นแม่ ตามด้วยการชี้แจงตามรายการต่างๆ ถึงสาเหตุการตัดสัมพันธ์ ซึ่งหลักๆ เกิดจากสุกัญญาเองเป็นฝ่ายถูกลูกสาวปฏิเสธก่อน ทว่าสุกัญญาก็ยังถูกโซเชียลคอมเมนต์ด่าว่าทิ้งขว้างลูก กระทั่งได้ตัดพ้อผ่านรายการ

อย่างช่วงหนึ่งของรายการ “คุยแซ่บ Show” ที่สุกัญญาเคยไปออกเมื่อเดือน พ.ค.65 สุกัญญาเปรยว่า “สื่อเอาไปเล่นกันโดยที่บางคนไปตีเป็นอีกมุมนึง โดยที่ไม่ได้รู้รายละเอียด ทำให้แม่ดูเลวไปเลย นำเสนอว่าแม่ไม่ดูแลลูก กลายเป็นว่าเราทิ้งขว้างลูก ซึ่งคุณก็ไม่รู้ว่า เราต้องอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ระหว่างเรากับครอบครัวเก่าของเรา”

ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม คนใกล้ชิดสุกัญญาได้เผยเรื่องราวโดยละเอียดผ่านเพจ “น้องอ้อ สังข์ทอง จอมตะวัน” และสุกัญญาก็ได้แชร์มาเฟซบุ๊กตัวเองอีกที โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ด้านที่พวกคุณๆ ไม่เคยเห็น แม่คนนึงที่รักลูกสุดดวงใจ แม่ผู้เสียสละที่คอยหาเลี้ยงทุกคนในครอบครัว แม่ที่อุ้มท้องแก่จวนคลอดแต่ยังต้องไปทำงานร้องเพลงหาเงินเข้าบ้านทุกวัน แทนที่จะได้พักผ่อนกลับมาแล้วยังต้องคอยทำความสะอาดบ้านให้เพียบพร้อมเพื่อให้ไม่มีเชื้อโรคมากล้ำกรายเด็กน้อย

Advertisement

แม่ที่ได้แต่มองลูกในอ้อมกอดของคนใจร้ายคนหนึ่งที่บอกว่าคุณอย่าอุ้มเลยคุณดูแลเด็กไม่เป็นหรอก และเมื่อวันคืนผ่าน คนๆๆ นั้นก็คอยกล่อมเกลาเด็กน้อยว่าเขาคือฮีโร่ตัวจริงของเด็กน้อยคือผู้ให้ทุกสิ่งอย่าง

จนถึงวันแยกจาก แม่ผู้ได้หนูน้อยเด็กชายแยกออกมาดูแลตามกฎหมายทุกๆ ครั้งทุกๆ เดือนแม่จะต้องขับรถพาลูกชายไปพบลูกสาวเพื่อให้เด็กน้อยมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและยังคงจดจำไว้เสมอในความเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขรวมถึงความคิดถึงอันท่วมท้นที่ไม่ได้อยู่กับลูกสาว

ร้อยพันครั้งฝ่ายแม่จะต้องเป็นผู้ดิ้นรนคอยติดตามเพื่อนำพาลูกไปพบกันแต่แล้วฝ่ายคนนั้นก็มีความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้เด็กทั้งสองไม่ต้องพบกัน ไม่มีแม้นการโทรติดตามถามข่าวคราวเด็กชาย

Advertisement

วันปีผ่านไป ใครจะรู้คนเป็นแม่นอนร้องไห้คิดถึงลูกสาวทุกวัน คิดถึงแชตที่สาวน้อยส่งข้อความมาหาบอกว่าหนูอยากได้สิ่งนั้นสิ่งนี้เมื่อแม่หาไปให้ เด็กน้อยก็เงียบหายไป

แม้นไม่มีเงินผู้เป็นแม่ก็ขอเอากำลังตนเองร้องเพลงแลกมาโดยไม่คิดค่าตัวเพื่อให้ได้ของขวัญชิ้นนั้นเพื่อลูก

เมื่อได้ของขวัญชิ้นสำคัญที่สาวน้อยต้องการก็ได้นำไปให้สาวน้อยดีใจมีความสุขแต่เพียงไม่นานเด็กสาวก็ได้นำของขวัญชิ้นนั้นไปเขียนชื่อชายคนที่ตนคิดเสมอว่าเขาคือฮีโร่ของตนไว้บนของขวัญชิ้นโปรด​ และลบแชตทั้งหมดที่เคยมาคุยมาออดอ้อนพูดจาหวานหูขอในสิ่งตนอยากได้จากแม่ของตน

รวมถึงการให้ถ้อยคำในศาลว่า แม่ตนไม่เคยดูแลและไม่เคยให้อะไรกับตนเลยสักครั้ง

ตัดภาพมาเมื่อปลายปี’64 เมื่อได้ติดตามถามไถ่จนทราบว่าชายคนนั้นได้นำพาเด็กสาวไปพักอีกที่โดยที่ตนมิได้อยู่ดูแลแต่ฝากเด็กสาวเอาไว้กับบ้านฝั่งตรงกันข้ามกับอพาร์ตเมนต์ที่เคยเช่าอยู่ (แล้วมาบอกว่าเป็นญาติเพื่อมิให้มีความผิดในฐานที่ละทิ้งเด็กสาวไว้โดยตนมิได้อยู่ดูแล​)​ เมื่อมารดาไปตามจนพบจึงได้ขอเข้าไปคุยกับเด็กสาวด้วยความรักความรักความคิดถึง

สายตาที่ลูกสาวมองแม่มีความหวาดระแวง​ แฝงความไม่พอใจ แม่ถามอะไรไปก็ตอบด้วยเสียงที่รำคาญ​ หนูเป็นนางสาวแล้วนะแม่ นั่นคือสิ่งหนึ่งที่แม่คนนี้ยินดีให้อิสระในการตัดสินเลือกที่จากนี้ต่อไปจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับลูกสาวของแม่อีก แต่ก่อนจากเมื่อแม่ขอกอดลูกสาว

เรามองเห็นสายตาของแม่ มันมีความโหยหาอาวรณ์เปี่ยมรักใจจะขาดด้วยความคิดถึง แต่เมื่อถอยก้าวมามองอีกฝั่งสายตาของเขาอึดอัดไม่ได้ยกมือกอดตอบแต่ยกมือแปะป่ายบนอากาศประหนึ่งว่าเมื่อไหร่การถูกกอดนี่จะยุติเสียที

ฝ่ายน้องชายได้ยืนมองดูพฤติกรรมของพี่สาว แม้นเด็ก 12 ขวบยังสามารถบอกได้ว่าพี่สาวของตนรู้สึกเช่นไร เขาบอกว่า เขาไม่เห็นพี่สาวคนเดิมของเขาอีกเลย

เมื่อแม่เอ่ยถามลูกสาวว่า.. ลูกจะเดินทางไปกับแม่เพื่อไปเรียนที่ ตปท.พร้อมกับน้องชายไหม

ภาพเด็กสาวยิ้มแสยะปากแววตาขำพร้อมกับตอบมารดาปนขำว่า.. มีเงินเยอะมากมายขนาดนั้นเหรอ.. แล้วตอบว่าไม่ไป.. ฝ่ายแม่ผู้ตั้งคำถามก็คงจะคาดเดาคำตอบประโยคหลังได้

แต่สายตาและคำพูดประโยคแรกสุดทำเอามารดาก้มหน้าสูดลมหายใจยาวๆ แล้วพูดกับลูกสาวด้วยเสียงเครือแต่ชัดเจนว่า แม่เคารพในการตัดสินใจของหนูและจะขอถอดถอนความเป็นแม่ออกเพื่อไม่ให้ลูกต้องรู้สึกอึดอัดใจอีกแต่เรายังคงเป็นเพื่อนกันเสมอ

หากหนูมีอะไรที่จะให้เพื่อนคนนี้ช่วยก็ให้บอกมาได้ตลอดยินดีรับฟังทุกเรื่องราว

และอีกหลายอย่างที่เราจำได้ไม่หมด หูมันอื้อใจมันชาตั้งแต่ได้เห็นพฤติกรรมของสาวน้อย เราได้แต่ยืนจับมือและโอบกอดน้องชายของเขาไว้ตลอดเวลาเพราะแววตาของเขาที่มองเห็นภาพของแม่ สายตาของแม่ มันทำให้ใบหน้าของเด็กน้อยที่ได้ยิ้มแย้มอย่างดีใจเมื่อแวบแรกที่พบหน้าพี่สาวของตน

ถึงกลับสลดลงไปหลังจากที่ได้เห็นได้ฟังบทสนทนาจากทั้งผู้เป็นแม่ ผู้ขึ้นชื่อว่าคลานออกมาดูโลกก่อน

หลังจากขับรถกลับเราหวังเพียงว่าเขาจะเข้มแข็งและหยุดร้องไห้ได้เสียที และเมื่อมีสัมภาษณ์หรือการลงโพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจะต้องรู้สึกขนาดไหนกับคอมเมนต์มากมายที่มาคอมเมนต์ด่าแรงๆ​ มาให้แง่คิดคติเตือนใจกับเขาโดยที่ไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวจริงๆ ที่มันไม่ได้มีแค่ที่เขียนเอาไว้ให้ตรงนี้

ถ้าหัวใจของแม่คนนี้ที่ต้องคอยวิ่งกระเซอะกระเซิงตามหาลูกแล้วต้องถูกปฏิเสธอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่าๆ หัวใจดวงนี้จะพรุนไปแล้วกี่แผล คงเป็นเหมือนรอยเข็มที่จิ้มจนไม่มีที่ว่าง

เลิกเอาสุภาษิตแง่คิดต่างๆ มาบอกมาสอนเขาโดยที่ตัวคุณไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงอะไร และยังไม่เข้าใจความคิดที่ยิ่งใหญ่ของผู้หญิงคนนี้จริงๆ

มันทำให้คิดถึงเรื่องๆ นึงที่มีคนสองคนแย่งเด็กคนหนึ่งและต่างคนต่างบอกว่าฉันคือคนที่รักเธอที่สุดและเธอคือลูกของฉัน คนทั้งสองต่างออกแรงดึงเด็กเพื่อให้เด็กมาอยู่ในอ้อมกอดของตนเอง แต่คนที่เป็นแม่และรักลูกที่สุดกลัวว่าลูกตนจะเจ็บปวดจึงต้องยอมปล่อยมือให้ลูกไปอยู่ในแรงกระชากของมือคู่นั้น แม้นจะต้องเจ็บปวดจากการต้องสูญเสียลูกไป

ให้ความรักแม้นไม่ครอบครอง วันเวลามันจะผ่านไป เชื่อว่าแม่คนนี้ก็คงจะไม่คาดหวังอะไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image