ต้านไม่ไหว! สมาพันธ์หนังไทย เปลี่ยนเกณฑ์ชิง ‘สุพรรณหงส์’ แล้ว หลังเจอรุมค้านไม่เป็นธรรม
สืบเนื่องจากกรณีเหล่าคนทำหนังไทยจำนวนมากได้ออกมาแสดงจุดยืนค้านเกณฑ์การคัดเลือกผลงานเข้าชิง “รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ” หรือ “รางวัลสุพรรณหงส์” ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่บุคคลในวงการผลิตภาพยนตร์ไทย โดยสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ ซึ่งมีมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี
ในปีนี้ได้มีการเพิ่มกฎใหม่ ระบุว่า “ต้องฉายในโรงครบทั้ง 5 ภูมิภาค อย่างน้อยใน 5 จังหวัดใหญ่ คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี นครราชสีมา และนครศรีธรรมราช” และ “ต้องมียอดผู้ชมไม่ต่ำกว่า 50,000 คน” ส่งผลให้มีหนังไทยหลายเรื่องไม่ผ่านเข้าชิง
กระทั่งเกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นที่ว่า สำหรับบางเรื่องเป็นหนังที่มีต้นทุนไม่สูงมาก และไม่ได้อยู่ในสังกัดของค่ายใหญ่ ที่จะเข้าโรงฉายให้ครบทั้ง 5 ภาคได้ จึงเกิดเป็นคำถามว่า เกณฑ์การตัดสินแบบนี้เป็นการละเลยคุณค่าของตัวภาพยนตร์ ละเลยความตั้งใจของคนทำหนังหรือไม่ และมีความเป็นธรรมหรือไม่
รวมไปถึงได้มี กระแส #แบนสุพรรณพงส์ ในกลุ่มคนทำหนัง หลายคนออกมาถอนชื่อส่งผลงานเข้าชิงรางวัลในปีนี้แล้ว
– ผุดแฮชแท็ก #แบนสุพรรณหงส์ คนทำหนังชี้เกณฑ์คัดเลือกไม่เป็นธรรม เอื้อค่ายใหญ่
– จ๋าย-ณัฏฐ์ 4kings จี้ทบทวนกฎใหม่ ‘สุพรรณหงส์’ เมินคุณค่าหนังไทย ยินดีให้ริบรางวัลคืน
– ลามไม่หยุด ล่าสุดผู้กำกับดัง บาส นัฐวุฒิ, เต๋อ นวพล, บริษัทหนัง ถอนตัว ร่วม #แบนสุพรรณหงส์
– ซูมปมเดือด #แบนสุพรรณหงส์ ภูมิใจไทย ลั่น ‘เอาข้อเท็จจริงมากาง’ หากเกณฑ์ไม่เป็นธรรม
ล่าสุด เมื่อเวลา 19.54 น. วันที่ 31 มีนาคม สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ ได้ออกแถลงการณ์
ตามที่ได้มีกระแสต่อกรณีเกณฑ์การพิจารณาภาพยนตร์ไทยเพื่อเข้าประกวดรางวัลสุพรรณหงส์ คณะอนุกรรมการอำนวยการจัดงานรางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 31 ได้มีการประชุมหารือ และมีมติเรื่องหลักเกณฑ์การพิจารณาภาพยนตร์ไทยที่สามารถส่งประกวดเข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ให้เป็นไปเพื่อเปิดโอกาสให้กับภาพยนตร์ไทยที่หลากหลายและครอบคลุม ดังนี้
“ภาพยนตร์ไทยที่มีความยาวไม่น้อยกว่า 60 นาที เข้าฉายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 โดยเป็นการฉายในโรงภาพยนตร์ หรือสถานที่อื่นใดที่มีการจัดฉายภาพยนตร์ในเชิงพาณิชย์ในประเทศไทย และมีระยะเวลาการฉายไม่น้อยกว่า 7 วัน”
สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนภาพยนตร์ไทยมาโดยตลอด สมาพันธ์ยินดีรับฟังความคิดเห็นเพื่อร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
