บทนำมติชน 26 สิงหาคม 2565 : หยุดปฏิบัติหน้าที่
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 รับคำร้องที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน เข้าชื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าสิ้นสุดลงของตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง และมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่ โดยให้นายกรัฐมนตรีผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง ส่วนในประเด็นที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งนายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างรอคำวินิจฉัย ตุลาการมีเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 เสียง ให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญ
จะมีคำวินิจฉัย โดยคาดว่ากระบวนการพิจารณาจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
ผลจากคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ทำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ จะต้องทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ยังปฏิบัติหน้าที่ รมว.กลาโหมต่อไปได้ ส่วนในเชิงความรู้สึกของสังคม นายเจษฎ์ โทณะวณิก อดีตคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุว่า ทำให้สถานการณ์ทางการเมือง การชุมนุมนอกสภา และบรรยากาศในสภา ผ่อนคลายลงไป และตั้งข้อสังเกตว่ายังมีเงื่อนไขให้เกิดความไม่พอใจได้เพราะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ แต่ตำแหน่ง รมว.กลาโหมยังปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือยังรักษาการได้ อาจนำไปสู่ความรู้สึกไม่ยอมรับ และการชุมนุมเรียกร้องเพื่อไล่นายกฯได้อีก
เป็นเวลา 8 ปีที่ประเทศอยู่ภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์และคณะ ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ที่นักการเมืองบางกลุ่มระบุว่า ดีไซน์เพื่อพวกเรา ระยะเวลา 8 ปี สำเร็จหรือล้มเหลว ประชาชนกินดีอยู่ดีหรือทุกข์ยาก มีสิทธิเสรีภาพหรือไม่ เชื่อว่าประชาชนส่วนมากรับรู้และลงความเห็นได้ สิ่งที่สำคัญมากยังได้แก่คำถามว่า แท้จริงแล้ว ตลอด
8 ปีเศษหลังรัฐประหาร 2557 ประเทศไทยอยู่ภายใต้หลักนิติธรรมที่ปฏิบัติและกฎหมายที่บังคับใช้ต่อทุกคนอย่างเสมอภาคหรือไม่ ให้ความเป็นธรรมต่อทุกคนทุกฝ่ายอย่างเสมอภาค หรือยังอยู่ภายใต้ระบบสองมาตรฐาน กฎหมายเป็นเครื่องมือที่เข้มงวดกับบางฝ่ายและผ่อนปรนให้บางฝ่ายหรือไม่ นี่คืออารมณ์ความรู้สึกของผู้คนทั่วไป ที่ผู้ใช้อำนาจต่างๆ แทนประชาชนพึงเข้าใจ
