เปิดเหตุผล ทำไม วัคซีนโควิด-19 ของ ไฟเซอร์ ไม่ใช่วัคซีนสำหรับคนทั้งโลก?
หลังจากบริษัทไฟเซอร์ ประกาศความสำเร็จในการทดลองวัคซีนโควิด-19 ที่พบว่ามีประสิทธิภาพมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์โดยเตรียมผลิตในเชิงพาณิชย์ในปลายปีนี้
คลิกอ่าน ไฟเซอร์ประกาศผลสำเร็จทดลองวัคซีนโควิด ปลายปีนี้มี 50 ล้านโดส
ล่าสุดเว็บไซต์บลูมเบิร์ก เผยแพร่รายงานเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ระบุถึงวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ว่า ด้วยตัววัคซีนที่จำเป็นต้องมีการเก็บสต็อก ขนส่ง ก่อนฉีดด้วยการทำความเย็นระดับติดลบ 70 องศาเซลเซียส อาจทำให้วัคซีนของไฟเซอร์เข้าถึงได้เฉพาะกลุ่มประเทศร่ำรวยเท่านั้น
รายงานระบุว่าวัคซีนดังกล่าวซึ่งพัฒนาขึ้นโดยบริษัทไฟเซอร์ ที่ร่วมกับ ไบโอเอ็นเทค และจะผลิตและจัดจำหน่ายโดย เซี่ยงไฮ้ฝอซันฟาร์มาซูติคอลกรุ๊ปนั้น จะต้องมีระบบการกระจายสินค้า ระบบขนส่งที่ซับซ้อนและต้องใช้งบประมาณมหาศาลเนื่องจากวัคซีนจำเป็นต้องเก็บในอุณหภูมิต่ำถึง ติดลบ 70 องศาเซลเซียส
ตลอดระยะทางตั้งแต่ออกจากสายการผลิต การขนส่งสนามบินจะต้องมีโกดังเก็บสินค้าที่ทำความเย็นได้ในระดับดังกล่าว รวมไปถึงการขนส่งจนถึงผู้รับการฉีดวัคซีนแล้ว วัคซีนดังกล่าวจะต้องถูกละลายน้ำแข็งและต้องถูกฉีดเข้าสู่ร่างกายภายใน 5 ชั่วโมง กระบวนการทั้งหมดตั้งเริ่มต้นขึ้นใหม่สำหรับการขนส่งวัคซีนเข็มที่ 2 ที่ผู้รับวัคซีนต้องได้รับหลังจากฉีดเข็มแรกราว 1 เดือน
ข้อจำกัดดังกล่าวส่งผลให้หลายประเทศที่ต้องการสั่งหรือต้องการเป็นฐานการผลิตของไฟเซอร์ต้องสร้างสายการผลิตที่ได้มาตรฐาน มีโกดังเก็บ เครื่อขายการขนส่งที่ทำให้วัควีนสามารถอยู่รอดจนถึงผู้บริโภค นอกจากนี้ยังต้องมีความร่วมมือและใช้งบประมาณมหาศาล ทำให้ประเทศที่ร่ำรวยเท่านั้นที่อาจจะสามารถเข้าถึงวัคซีนดังกล่าวได้ หรืออาจจะเพียงแค่ประชากรในกลุ่มคนเมืองเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีความท้าทายในเรื่องของการฉีดวัคซีน 2 เข็มในระยะเวลาที่ห่างกัน ที่จำเป็นต้องมีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ขนานใหญ่ นอกจากนี้ยังมีปัญหาการฉีดวัคซีนในพื้นที่ซึ่งมีการติดต่อสื่อสารกันได้ยาก และต้องเดินทางไกล ดูได้จากโครงการฉีดวัคซีนในอดีตที่ผู้รับวัคซีนมักจะไม่มาฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ตามกำหนดเป็นจำวนมาก
รายงานระบุว่าด้วยอุปสรรคเหล่านี้ทำให้หลายๆประเทศที่เป็นประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศที่มีระบบโครงสร้างพื้นฐานไม่เอื้ออำนวยอย่างเช่น “อินเดีย” จะต้องมองข้ามวัคซีนของไฟเซอร์ไปนั่นเอง
