‘ไบเดน’ สาบานตน รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 46
สำนักข่าวเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์รายงานว่า นายโจ ไบเดน ได้เดินทางไปยังอาคารรัฐสภา เพื่อเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ในเวลา 11.00 น. วันที่ 20 มกราคม ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐ โดยนางคามาลา แฮร์ริส ได้ทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐก่อน จากนั้นจึงเป็นการสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ของนายไบเดน
หลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตน ไบเดน ในวัย 78 ปี ได้กล่าวถ้อยแถลงแรกหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการ เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ในการรับมือกับวิกฤตการณ์มากมายที่สหรัฐกำลังเผชิญอยู่ รวมถึงประกาศแผนการของเขาที่จะสร้างอเมริกาให้กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง
โดยบริเวณเนชันแนลมอลล์ซึ่งกินพื้นที่ตั้งแต่ด้านหน้าของอาคารรัฐสภาไปจนถึงอนุสาวรีย์ลินคอล์นซึ่งปกติจะเปิดให้ผู้คนสามารถเข้าร่วมรับชมพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีคนใหม่ จะปิดไม่ให้ผู้ใดเข้าไป ด้วยเหตุผลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเพื่อรักษาความปลอดภัยหลังเหตุจลาจลในวันที่ 6 มกราคม
โดยมีบรรดาอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ต่างเดินทางมาร่วมพิธีกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นนายจอร์จ ดับเบิลยู.บุช และนางลอรา บุช ภริยา ได้เดินทางถึงบริเวณที่ประกอบพิธีสาบานตนตั้งแต่ช่วงเช้าวันเดียวกัน ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าพิธีจะเริ่มขึ้น ตามมาด้วยนายบารัค โอบามา และนางมิเชล โอบามา ภริยา รวมทั้ง นายบิล คลินตัน และนางฮิลลารี คลินตัน ภริยา โดยทุกคนที่ร่วมในพิธีต่างพากันสวมหน้ากาก
สำหรับในพิธีสาบานตนมีศิลปินชื่อดังอย่าง เลดี้ กาก้า เจนนิเฟอร์ โลเปซ และ การ์ธ บรูกส์ ร่วมร้องเพลงแสดงด้วย
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายโจ ไบเดน ได้ทวีตข้อความก่อนหน้าการเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 46 ว่า “วันนี้ถือเป็นวันใหม่ของอเมริกา”
ก่อนหน้านั้น ไบเดน ซึ่งเป็นชาวแคทอลิกเคร่งศาสนา ได้เดินทางไปยังโบสถ์เซนต์ แมทธิวส์ ในกรุงวอชิงตัน เพื่อประกอบพิธีมิสซา โดยเชิญผู้นำในสภาคองเกรสทั้งจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเข้าร่วมพิธีด้วย
ขณะที่มีรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้กลายเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เดินทางออกจากทำเนียบขาวได้ไม่นานก่อนหน้าที่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งของไบเดน จะเริ่มขึ้น พร้อมกันนี้ ทรัมป์ยังได้ทิ้งจดหมายถึงนายไบเดน ตามธรรมเนียมปฏิบัติของประธานาธิบดีสหรัฐที่ทำกันเสมอมา แต่ไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล
ทั้งนี้ ทรัมป์ ซึ่งไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และไม่เคยแสดงความยินดีต่อชัยชนะของนายไบเดนแต่อย่างใด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
–“ทรัมป์” ก้าวออกจากทำเนียบขาว พร้อมประกาศ “จะกลับมาอีกครั้ง”