นักวิชาการห่วงวิกฤตความสัมพันธ์ ‘จีน-ไต้หวัน-สหรัฐ’ พลิกอุตสาหกรรมชิป ขอไทยยึดมั่น ‘จีนเดียว’

แฟ้มภาพ

วิกฤตความสัมพันธ์สามเส้า จีน-ไต้หวัน-สหรัฐอเมริกา พลิกผันอุตสาหกรรมชิป เซมิคอนดักเตอร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์โลก โอกาสและความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยและอาเซียน ชี้ไทยควรยึดมั่นนโยบายจีนเดียว แต่รักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ-การค้ากับไต้หวัน

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 สิงหาคม รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการวิทยาลัยนานาชาติ ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสาธารณะ สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงวิกฤตความสัมพันธ์สามเส้า จีน ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา ว่าจะส่งผลกระทบและพลิกผันธุรกิจอุตสาหกรรมชิป เซมิคอนดักเตอร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของโลก บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company-TSMC เป็นบริษัทผู้ผลิตและออกแบบสัญญาจ้างเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ข้ามชาติสัญชาติไต้หวัน เป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก โรงหล่อเซมิคอนดักเตอร์อิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน มีสัดส่วน 54% ในตลาดโลก มีโรงงานการผลิตส่วนหนึ่งอยู่ในจีน

รศ.ดร.อนุสรณ์กล่าวว่า หากความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไต้หวันย่ำแย่ลงอีก คาดว่าจะมีการลงทุนบางส่วนย้ายฐานการผลิตมายังภูมิภาคอาเซียน มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจล่าสุดของจีนที่เริ่มแบนสินค้าหลายอย่างจากไต้หวัน เช่น สินค้าประเภทอาหาร ผลไม้ และสินค้าจากการประมง แต่กลับไม่แตะต้องธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์เลย

“ปัญหาชิปและเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลนที่ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.2563 อยู่แล้ว จากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ซ้ำด้วยการระบาดของ COVID-19 จนโรงงานหลายแห่งต้องปิดตัวลงจาการล็อกดาวน์ จนถึงตอนนี้แม้สถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่ฟื้นตัวเท่าไหร่นัก รายงานของ TrendForce ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยการตลาดชั้นนำของโลก ที่เปิดเผยออกมาเมื่อปีที่แล้ว บริษัทในไต้หวันถือครองส่วนแบ่งตลาดเซมิคอนดักเตอร์รวม 63% และมีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 66% ในปีนี้ โดยมี TSMC เป็นหัวหอก ถือครองส่วนแบ่ง 54% ของทั้งโลก

“ส่วนอันดับรองลงมาคือเกาหลีใต้ที่ 18% โดย 17% มาจาก Samsung หากปัญหาวิกฤตความสัมพันธ์บานปลายกลายเป็นภาวะสงครามในช่องแคบไต้หวัน ย่อมทำให้สินค้าไอทีมีโอกาสสูงที่จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่ชิป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์อาจหายไปค่อนหนึ่งของกำลังการผลิตทั่วโลก” รศ.ดร.อนุสรณ์ระบุ

Advertisement

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

รศ.ดร.อนุสรณ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กลุ่มทุนข้ามชาติไต้หวันยังเข้าไปลงทุนในประเทศจีนจำนวนมาก และ ใช้ฐานการผลิตในจีนส่งออกไปทั่วโลก มีรายได้จากการส่งออกไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินบาทเท่ากับประมาณ 7.2 ล้านล้านบาท ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไต้หวันนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น 87% อัตราการขยายตัวการส่งออกไต้หวันเพิ่มขึ้นมากกว่า 70% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

“บริษัท Foxconn สัญชาติไต้หวัน ผู้ผลิตชิ้นส่วนมือถือและอุปกรณ์สื่อสาร เป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ ให้ APPLE มีโรงงานผลิตขนาดใหญ่ในจีน ด้วยผลประโยชน์ผูกพันทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนระหว่างจีนและไต้หวัน คาดได้ว่าทั้งสองฝ่ายจะหลีกเลี่ยงสงครามและการปะทะกันทางการทหาร เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง กลุ่มผลประโยชน์ และกลุ่มทุนต่างๆ ย่อมกดดันให้รัฐบาลลดระดับความขัดแย้งลงมา

“ข้อมูลล่าสุดพบว่าชาวจีน-ไต้หวันอาศัยอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ประมาณ 160,000 คน แต่มีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ ไต้หวันยังมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจต่อกลุ่มประเทศอาเซียนในระดับสูง โดยไต้หวันมีมูลค่าการส่งออกมายังอาเซียนประมาณ 7 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว” รศ.ดร.อนุสรณ์กล่าว

รศ.ดร.อนุสรณ์กล่าวถึงตลาดของประเทศจีนและฮ่องกงคิดเป็น 42% ของมูลค่าส่งออกของไต้หวันเมื่อปีที่แล้ว การที่จีนประกาศห้ามนำเข้าสินค้าบางรายการจากไต้หวัน โดยเฉพาะกลุ่มอาหารย่อมส่งผลต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อไต้หวันไม่น้อย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวได้สร้างโอกาสในการส่งออกของไทยและกลุ่มอาเซียนเพื่อชดเชยสินค้าบางส่วนจากไต้หวัน ขณะเดียวกัน ไต้หวันนำเข้าสินค้าจากจีนคิดเป็นมูลค่าประมาณ 22% สินค้านำเข้าเหล่านี้อาจเกิดอุปสรรคทางการค้าได้จากวิฤติทางการเมืองล่าสุด กลายเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทยและกลุ่มอาเซียนในกลุ่มสินค้านำเข้าทดแทนกันได้เช่นเดียวกัน

รศ.ดร.อนุสรณ์กล่าวอีกว่า การสนับสนุนนโยบายจีนเดียวเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยที่มีอยู่ ณ  ขณะนี้ และไทยควรรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การศึกษาและวัฒนธรรมกับไต้หวันเอาไว้ด้วยในขณะเดียวกันเพื่อประโยชน์ของประเทศไทย โดยหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ทางการเมือง หรือความสัมพันธ์ใดๆ ที่ละเมิดต่อหลักการจีนเดียว ซึ่งรัฐบาลไทยได้ยึดถือมาอย่างต่อเนื่อง การละเมิดต่อหลักการดังกล่าวอาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้

รศ.ดร.อนุสรณ์กล่าวว่า ท่าทีของไทยต่อนโยบายการรวมประเทศหรือผนวกรวมไต้หวัน (สาธารณรัฐไต้หวัน) ของสาธารณรัฐประชาชานจีนต้องเกิดจากกระบวนทางสันติภาพ กระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนจีนไต้หวัน การบูรณาการทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคมที่ใช้เวลายาวนานเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางทหารและสงครามใหญ่ ซึ่งนำมาสู่ผลกระทบใหญ่หลวงต่อผู้คนในภูมิภาคและมนุษยชาติโดยรวม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image