ข่าวการฆ่าตัวตายของ “เคท สเปด” ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอเมริกันวัย 55 ปี ที่แม่บ้านเข้าไปพบศพของเคท แขวนคอตายในอพาร์ตเมนต์หรูที่พักในย่านพาร์ก อเวนิว นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อเช้าวันที่ 5 มิถุนายน ขณะที่ลูกสาววัย 13 ปีอยู่ที่โรงเรียน ส่วน แอนดี้ สเปด สามีของเธออยู่ที่บ้านในช่วงเวลาที่เกิด โดยในที่เกิดเหตุ พบจดหมายฉบับหนึ่งที่เคท สเปดเขียนถึงลูกสาว ได้กลายเป็นข่าวที่สร้างความตกใจ และมีคนในโลกโซเชียลแห่ทวีตแสดงความเสียใจต่อการจากไปของดีไซเนอร์คนเก่งเจ้าของแบรนด์แฟชั่น “เคท สเปด” จำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีคนในโลกโซเชียลจำนวนไม่น้อยที่แสดงความเห็นว่า การฆ่าตัวตายของเคท สเปด เป็นสิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า เงินทอง ชื่อเสียง ไม่สามารถขับไล่ความเศร้า ไม่สามารถซื้อความสุข ปัญหาทางจิตใจเป็นเรื่องน่ากลัว และไม่เลือกปฎิบัติว่าใครรวย หรือจน
เจ้าของทวิตเตอร์@Evadivadoll ทวีตว่า ” การฆ่าตัวตายของเคท สเปด เป็นบทพิสูจน์อีกครั้งว่า เงินไม่สามารถซื้อความสุข ความสุขนั้นเกิดจากข้างใน คนและวัตถุต่างๆเป็นเพียงสิ่งชั่วคราวเท่านั้น ”
หรือเจ้าของทวิตเตอร์@JennaBushHager ที่ทวีตว่า “ฉันไม่เคยลืมกระเป๋าเคท สเปดใบแรกที่ฉันได้รับวันคริสต์มาสตอนเรียนวิทยาลัย เธอเป็นผู้บุกเบิก ชีวิตและควายตายของเธอเป็นเครื่องย้ำเตือนให้เรารู้ว่า ความเจ็บปวดไม่เคยเลือกปฎิบัติ ขอส่งความรักไปยังครอบครัวของเธอ ”
หรือเจ้าของทวิตเตอร์ @JulieDiCaro “ข่าวน่าเศร้าของเคท สเปด ย้ำเตือนให้รู้ว่า มีคนมากมายที่กำลังดิ้นรน ต่อสู้ ไม่ว่าชีวิตของพวกเขาจะดูเพอร์เฟ็กต์ สมบูรณ์พร้อมในสายตาผู้คนภายนอกสักแค่ไหน คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ”
ทั้งนี้จากรายงานของ สมาคมป้องกันการฆ่าตัวตายของอเมริกา ระบุว่า ทุกวันนี้ในสหรัฐอเมริกามีผู้หญิงฆ่าตัวตายเกือบ 30 คนต่อวัน และมากกว่า 10,200 คนต่อปี โดยผู้หญิงวัยกลางคน เหมือนกับ เคท สเปด คือกลุ่มที่มีแนวโน้มฆ่าตัวตายมากเป็นพิเศษ
จูลี เซเรล ประธานสมาคมป้องกันการฆ่าตัวตายของอเมริกา กล่าวว่า “มันไม่ยุติธรรมที่เราจะมาคาดเดาว่าทำไมเคท สเปด จึงฆ่าตัวตาย แต่มันเห็นได้ชัดเจนว่า เธอกำลังต่อสู้กับความทุกข์ อาจจะเป็นด้วยความเครียดของการเป็นพ่อแม่ หรือปัญหาต่างๆที่มีในคนวัยกลางคน หรืออาจเป็นปัญหาเรื่องอาชีพการงาน ซึ่งต่างมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น ”
จูลี เซเรล ให้ความเห็นว่า ถึงแม้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า ดีไซเนอร์คนดังกำลังต่อสู้กับความซึมเศร้าอยู่หรือไม่ แต่ 90 % ของคนที่ฆ่าตัวตาย มักมีประวัติของโรคทางจิตเวชบางประเภท “ซึ่งการจะสรุปได้นั้น บ่อยครั้งได้มาจากการซักประวัติผู้ตายจากคนครอบครัว และญาติๆ คนใกล้ชิด ”
ท็อดด์ เอสซิก นักจิตวิทยาชาวนิวยอร์ก เคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสารฟอร์บส์เมื่อปี 2558 ว่า มีผู้บริหารระดับสูงจำนวนมากที่มีแนวโน้มซึมเศร้า ถึงแม้พวกเขาจะประสบความสำเร็จในอาชีพมากก็ตาม แต่บางทีภาวะซึมเศร้าอาจมีสาเหตุมาจากความสำเร็จนั้นก็ได้ อย่างเช่น การที่ต้องทำงานหามรุ่ง หามค่ำจนไม่ได้หลับ ได้นอน และการขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง เนื่องจากตั้งเป้าหมาย ตั้งมาตรฐานไว้สูงเกินไป