บช.น.ฮึ่มออก ‘หมายจับ’ คนเบี้ยวค่าปรับใบสั่งความผิดจราจร

บช.น.ฮึ่มออก ‘หมายจับ’ คนเบี้ยวค่าปรับใบสั่งความผิดจราจร

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน เริ่มแล้ว กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เอาจริงออกหมายเรียก-หมายจับ คนเบี้ยวค่าปรับใบสั่งจราจร

โดยเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. แถลงข่าวกรณี บช.น.มีแนวทางการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายจราจร และไม่มาชำระค่าปรับภายในระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีผู้กระทำความผิดตามกฎหมายจราจรแล้วไม่ไปชำระค่าปรับจำนวนมาก บางคนพบว่ามีใบสั่งถึง 59 ใบ และยังคงมีพฤติการณ์ที่ฝ่าฝืนกฎหมายจราจรซ้ำๆ เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนและเกิดปัญหาการจราจร สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

พล.ต.ต.จิรสันต์กล่าวว่า ดังนั้น จึงได้กำหนดมาตรการการบังคับใช้กฎหมายเพื่อส่งเสริมให้ผู้ขับขี่มีวินัยจราจร ลดปัญหาอุบัติเหตุและปัญหาจราจรในกรุงเทพมหานครได้ในระดับหนึ่ง โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติ ดังนี้ 1.เจ้าพนักงานจราจรออกใบสั่งให้กับผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ทั้งแบบความผิดซึ่งหน้า และความผิดที่ตรวจจับด้วยกล้องตรวจจับการกระทำความผิด ระยะเวลาเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

2.กรณีผู้กระทำความผิดไม่มาชำระค่าปรับ เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนด เจ้าพนักงานจราจรจะออกหนังสือแจ้งเตือน โดยจัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับภายใน 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดชำระค่าปรับ โดยให้ถือว่าเจ้าของ/ผู้ครอบครอง ได้รับแจ้งเมื่อพ้นกำหนด 15 วันนับแต่วันส่ง และต้องชำระค่าปรับภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ซึ่งในขั้นตอนที่ 1 และ 2 สามารถเลือกชำระค่าปรับได้ที่สถานีตำรวจทุกสถานีทั่วประเทศ, ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารกรุงไทย, เคาน์เตอร์เซอร์วิสที่มีสัญลักษณ์ PTM และทางไปรษณีย์

Advertisement

3.กรณีพ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในใบเตือน และผู้กระทำความผิดยังไม่มาชำระค่าปรับ นอกจากการส่งข้อมูลไปยังกรมการขนส่งทางบกเพื่อดำเนินการตามมาตรการงดออกเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีแล้ว พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้มาชำระค่าปรับ หากไม่มาพบตามหมายเรียกทั้ง 2 ครั้ง พนักงานสอบสวนจะยื่นคำร้องขออนุมัติศาลในเขตพื้นที่เพื่อออกหมายจับ 4.กรณีถูกออกหมายเรียกหรือหมายจับ ผู้ต้องหาจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามข้อหาที่กระทำผิดตามใบสั่ง และความผิดที่ไม่ชำระค่าปรับในเวลาที่กำหนด โดยไม่มีเหตุอันสมควร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ซึ่งในขั้นตอนนี้ผู้ต้องหาต้องไปพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเองที่สถานีตำรวจที่ออกหมายเรียก หมายจับ ไม่สามารถชำระผ่านช่องทางต่างๆ ตามข้อ 2 ได้

พล.ต.ต.จิรสันต์กล่าวว่า ผลของการถูกออกหมายจับในคดีอาญา จะถูกบันทึกในระบบฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยตำรวจสามารถจับกุมได้ทั่วราชอาณาจักร หากบุคคลที่มีหมายจับเดินทางออกนอกประเทศจะถูกจับ จะเกิดความยากลำบากในเรื่องการเดินทาง และถูกบันทึกในทะเบียนประวัติ อาจส่งผลต่อการประกอบอาชีพการทำงาน และจะเกิดความยากลำบากและความน่าเชื่อถือในการทำนิติกรรม กรณีผู้ต้องหามาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเองหรือถูกจับกุม ยินยอมเปรียบเทียบปรับให้คดีอาญาเลิกกัน โดยมาตรการดังกล่าวเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายนเป็นต้นไป โดยจะเน้นบุคคลกระทำความผิดซ้ำๆ ก่อน

“การดำเนินการจะย้อนหลังไป 1 ปี ดูใบสั่งที่ยังไม่ขาดอายุความ และจำนวนผู้กระทำความผิดมีใบสั่งจำนวนมากจะดำเนินการตามกฎหมายก่อน หากประชาชนมีข้อสงสัยว่ามีใบสั่งค้างชำระหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้ผ่านช่องทางใบสั่งจราจรออนไลน์ที่นี่ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) หมายเลขโทรศัพท์ 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทาง Facebook และ Twitter 1197″ พล.ต.ต.จิรสันต์กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image