ที่มา | อาทิตย์สุขสรรค์ |
---|---|
ผู้เขียน | ชม นำพา [email protected] |
เผยแพร่ |
ฉบับที่แล้วพูดถึงอาหารสุขภาพรสชาติว้าวจากเพจครัวแล้วแต่ตุ๊ด ได้รับเสียงตอบรับพอสมควร วันนี้เลยพักเรื่องชิม เอาเรื่องสุขภาพมาคุยกันต่อ
พอดีกับเพิ่งได้รับการเอื้อเฟื้อจากท่านรอง “วรางคณา พันธุมโพธิ” รองผู้อำนวยการฝ่ายประกันคุณภาพและวิเทศสัมพันธ์ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส่งลิงก์วารสาร Food Journal ราย 3 เดือน มาให้ได้อ่านได้ติดตามความคืบหน้าแวดวงอาหาร และเกร็ดความรู้น่าสนใจอีกมากมาย
เลยขอนำข้อมูลเรื่องกล้วยๆ มาบอกเล่าสู่กันฟัง ในยุคที่คนหันมาสนใจสุขภาพอย่างคึกคัก
ว่าด้วยเรื่องของกล้วย ข้อมูลโดย ชนากานต์ รัตนกิตติวงศ์ ฝ่ายโภชนาการและสุขภาพ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ที่จริงคนไทยคุ้นเคยกับอาหารที่ใช้กล้วยมานาน ด้วยประโยชน์ที่บริโภคได้ทั้งต้น ตั้งแต่ผล ปลี หยวกกล้วย แต่เนื้อหาวันนี้เราเน้นเรื่องผลกล้วย ไม่ว่าจะเป็นกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยหักมุก ก็มีประโยชน์ทั้งนั้น และยังกินได้ทั้งกล้วยดิบ กล้วยห่าม กล้วยสุก หรือกล้วยงอม แต่การรับประทานต้องคำนึงปริมาณที่เหมาะสม
เช่น สรรพคุณทางยา กล้วยก็มีคุณหลายอย่าง ทั้งช่วยระบบขับถ่าย พบว่ารับประทานกล้วยสุกจะแก้โรคท้องผูก และป้องกันโรคริดสีดวงได้ เนื่องจากในกล้วยสุกมีเพคติน ซึ่งเป็นเส้นใยอ่อนนุ่ม ช่วยเพิ่มกากอาหารในลำไส้ ทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น
หรือหากมีอาการท้องเสีย กล้วยก็เป็นตัวช่วยชั้นดี แต่ต้องรับประทานกล้วยดิบซึ่งมีสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารรสฝาด จะช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อโรคได้นั่นเอง การรับประทานกล้วยดิบยังช่วยสมานแผลในกระเพาะ และป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยกำจัดกลิ่นปาก กระทั่งมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณ
สำหรับกล้วยดิบปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ออกมาสู่ท้องตลาดมากมาย ที่เห็นขายดิบขายดีก็ของป้านิด-นิดดา หงษ์วิวัฒน์ แห่งสำนักพิมพ์แสงแดดนั่นเอง
ขณะเดียวกัน กล้วยยังเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ได้รับความนิยมในการบริโภคเพื่อลดความอ้วน เพราะกล้วยมีวิตามิน B1 และ B2 ที่คอยทำหน้าที่ช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาล และไขมัน อีกทั้งกล้วยยังเป็นอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ เมื่อรับประทานแล้ว คาร์โบไฮเดรตจะถูกย่อย และดูดซึมอย่างช้าๆ จึงช่วยควบคุมความอยากอาหาร และทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น และทำให้ร่างกายสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่ากล้วยจะมีสารอาหารเหมือนกันทุกพันธุ์ เพราะแต่ละพันธุ์จะมีระดับน้ำตาลที่แตกต่างกัน เช่น กล้วยน้ำว้า 1 ผล มีปริมาณน้ำตาล 9 กรัม กล้วยไข่ 1 ผล มีน้ำตาล 11 กรัม กล้วยหอม 1 ผล มีน้ำตาล 22 กรัม กล้วยหักมุก 1 ผล มีน้ำตาล 10.4 กรัม เป็นต้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่สุดยอดแห่งกล้วย คือ กล้วยเป็นผลไม้สร้างความสุข เป็นอาหารที่เป็นแหล่งของโพแทสเซียม ซึ่งโพแทสเซียมเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายเป็นปกติ เช่น ทำให้หัวใจเต้นเป็นปกติ และยังเกี่ยวข้องกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ การส่งออกซิเจนไปยังสมอง นอกจากนี้ ยังช่วยปรับสมดุลน้ำและแร่ธาตุในร่างกาย แต่ในขณะที่เกิดความเครียด ระดับโพแทสเซียมในร่างกายจะลดลง การรับประทานกล้วยจึงเป็นการช่วยปรับให้ระดับโพแทสเซียมกลับมาสมดุล
อีกทั้งในกล้วยยังมีสารที่เรียกว่า ทริปโตเฟน โดยเป็นสารตั้งต้นของฮอร์โมนเซโรโทนิน หรือฮอร์โมนแห่งความสุข ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้สามารถช่วยคลายเครียด ทำให้ผ่อนคลายและอารมณ์ดีได้ ดังนั้น การรับประทานกล้วยก่อนนอนจึงทำให้นอนหลับง่าย และสบายยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เหรียญมีสองด้าน แม้กล้วยจะอุดมไปด้วยประโยชน์ปานใด ก็ต้องมีข้อแม้อยู่บ้างสำหรับคนบางกลุ่มหรือผู้ป่วยบางประเภท เช่น ผู้ป่วยโรคไตจะมีการทำงานของไตลดลง ส่งผลให้ลดการขับโพแทสเซียมทางปัสสาวะ จึงเกิดการสะสมของโพแทสเซียม ซึ่งถ้ามีระดับโพแทสเซียงสูงจะทำให้มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นตะคริว หรือหัวใจเต้นผิดปกติได้
เห็นข้อดีมากมายขนาดนี้ เห็นทีต้องกลับมามองผลไม้ง่ายๆ แต่มากคุณค่านี้กันใหม่ และส่งท้ายคอลัมน์วันนี้ มีเมนูกล้วยมาฝาก 1 เมนู คือ ยำกล้วย ไม่รู้ใครเคยกินกันบ้าง
ยำกล้วย
ส่วนผสม
กล้วยน้ำว้าดิบ 40 กรัม เนื้อกุ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ใบมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ มะพร้าวคั่ว 1 ช้อนชา น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนชา น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
วิธีทำ
1.นำกล้วยดิบทั้งผลไปต้มให้สุก นำขึ้นมาปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ถ้วยพักไว้ นำกุ้งสดที่ลวกแล้วมาสับพอหยาบๆ ใส่ถ้วยพักไว้
2.ทำน้ำยำด้วยการผสมน้ำพริกเผา มะนาว น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่มะพร้าวคั่วคนให้เข้ากัน
3.นำกล้วยและกุ้งที่พักไว้มาใส่ในชามน้ำยำ คลุกเคล้าให้เข้าเนื้อทั่วกัน เสร็จแล้วตักใส่จาน ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยตะไคร้ซอยและใบมะกรูด
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 1 เสิร์ฟ พลังงาน 181 กิโลแคลอรี โปรตีน 5 กรัม ไขมัน 9 กรัม คาร์โบไฮเดรต 20 กรัม แคลเซียม 157 มิลลิกรัม โซเดียม 814 มิลลิกรัม
ใครที่ยังไม่เคยกินลองนำสูตรไปทำดู รับประกันความแซ่บเว่อร์จริงๆ ค่า