น่าทึ่ง… ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ อยู่โรงพยาบาลแค่ 7 ชม.หลังคลอด!!!

Britain's Prince William, Duke of Cambridge (L) and Britain's Catherine, Duchess of Cambridge show their newly-born son, their third child, to the media outside the Lindo Wing at St Mary's Hospital in central London, on April 23, 2018. / AFP PHOTO / DANIEL LEAL-OLIVAS

หลังจากมีประสูติกาลพระโอรส รัชทายาทพระองค์ที่ 3 ผ่านไปเพียง 7 ชั่วโมง เมื่อวันจันทร์ที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พระชายาเจ้าชายวิลเลียมแห่งอังกฤษ ก็สามารถเสด็จออกจากโรงพยาบาลเซนต์แมรี ในกรุงลอนดอน กลับไปประทับที่พระราชวังเคนซิงตันในวันเดียวกันนั้น

“ผู้หญิงทั่วโลกต่างอิจฉาพระองค์ที่ทรงสามารถทำได้อย่างนั้น ฉันคิดว่านี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์ทรงมีทีมแพทย์ที่เก่งมากจริงๆ ที่ดูแลพระองค์ได้อย่างดีเยี่ยม และทำให้มั่นใจได้เลยว่า ทรงมีพระประสูติกาลผ่านไปด้วยดี” วิคตอเรีย เมอร์ฟีย์ นักข่าวสายวังของสถานีโทรทัศน์เอบีซี บอกกับรายการกู๊ด มอร์นิ่ง อเมริกา

ทั้งนี้ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์เสด็จออกจากโรงพยาบาลในชุดเดรสสีแดง ด้วยพระพักตร์ที่สดชื่น แจ่มใส ซึ่งน่าจะเป็นฝีมือของ นาตาชา อาร์เชอร์ แจ๊กสัน ผู้ทำหน้าที่เป็น “สไตลิสต์” ของดัชเชสแห่งเคมบริดจ์มานาน ซึ่งในวันนั้น ก็มีคนเห็นนาตาชา

เดินทางออกจากโรงพยาบาลเซนต์แมรี เมื่อวันจันทร์ที่ 23 เมษายน วันที่ดัชเชสฯทรงมีประสูติกาลพระโอรส พระเกศาได้รับการดูแลตกแต่งอย่างสวยงาม ก็เป็นฝีมือการดูแลของ อแมนดา คุ๊ก ช่างเกศาประจำพระองค์

Advertisement
AFP PHOTO

คุณหมอเจนนิเฟอร์ แอชตัน แพทย์ประจำรายการทางสุขภาพของสถานีโทรทัศน์เอบีซี ให้สัมภาษณ์รายการกู๊ด มอร์นิ่ง อเมริกา ถึงการที่คุณแม่คนใหม่สามารถออกจากโรงพยาบาลทันทีหลังคลอดบุตรผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงว่า สามารถทำได้หากได้รับการดูแลอย่างดี อย่างถูกต้องเหมาะสมเมื่อกลับไปพักฟื้นที่บ้าน

“ฉันคิดว่าเรื่องนี้เราต้องแยกแยะความแตกต่างระหว่างว่าที่ราชินีแห่งอังกฤษในอนาคตกับผู้หญิงทั่วไปให้ได้เสียก่อน” หมอแอชตันบอก ก่อนจะกล่าวต่อถึงการออกจากโรงพยาบาลกลับไปบ้านหลังจากคลอดบุตรผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงว่า “สามารถปลอดภัย โดยหัวใจสำคัญก็คือการได้รับการดูแล ช่วยเหลือ และการคอยเฝ้าระวัง เฝ้าติดตามดูอาการต่างๆ”

หมอแอชตันยังกล่าวว่า ทีมแพทย์ที่ถวายการดูแลรักษาดัชเชสแห่งเคมบริดจ์จะต้องคอยเฝ้าติดตามดูภาวะเสี่ยงต่างๆ หลังคลอด อาทิ การมีเลือดออก การติดเชื้อ การมีความดันโลหิตสูง และภาวะซึมเศร้าหลังคลอด

Advertisement

“เราต้องระลึกไว้เสมอว่า ถึงแม้อาการแบบนี้จะเกิดขึ้นทุกวัน ในทุกสภาพแวดล้อม แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญ” หมอแอชตันกล่าว

ทั้งนี้จากข่าวก็ว่า เมื่อคราวดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ทรงประสูติเจ้าหญิงชาร์ลอตต์เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ปี 2558 ดัชเชสฯก็ทรงพำนักอยู่ที่โรงพยาบาลเซนต์แมรีไม่ถึง 10 ชั่วโมง ก็เสด็จกลับพระตำหนักที่ประทับ มีตอนที่ประสูติ เจ้าชายจอร์จ พระโอรสองค์โตเมื่อปี 2556 เท่านั้น ที่ทรงประทับอยู่ที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี 1 คืน จึงเสด็จออกจากโรงพยาบาลกลับไปประทับที่พระตำหนัก

AFP PHOTO

อย่างไรก็ตาม แม้จะเสด็จกลับไปประทับที่พระตำหนัก แต่ระหว่างนี้ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ก็ยังไม่สามารถกลับไปทำกิจวัตร หรือกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ “ตราบใดที่มีการเฝ้าคอยดูและให้ความช่วยเหลือ ก็ไม่มีปัญหา คุณต้องเข้าใจด้วยว่า ไม่ใช่ว่าพอกลับไปที่บ้านแล้ว คุณแม่ก็ต้องมานั่งดูแลลูกๆ มาคอยทำอาหารให้ลูกๆ กินอะไรแบบนั้น มันไม่ใช่”

หมอแอชตันยังว่า นอกจากจะมีแม่นม พี่เลี้ยงคอยช่วยดูแลพระโอรส พระธิดา ดัชเชสฯยังมีเจ้าชายวิลเลียมคอยช่วยเลี้ยงดูพระโอรส พระธิดาด้วย ซึ่งเจ้าชายวิลเลียมทรงทำตั้งแต่ตอนมีเจ้าชายจอร์จแล้ว

นอกจากนั้นหมอแอชตันยังเล่าว่า ระบบการดูแลแม่และลูกในอังกฤษนั้นแตกต่างจากในสหรัฐอเมริกา “ที่อังกฤษจะให้ความสำคัญกับแม่มาก ขณะที่เรา (อเมริกา) จะให้ความสำคัญกับทารกมาก ที่อังกฤษคุณแม่จะได้รับการช่วยเหลืออย่างดีเยี่ยม และมีระบบการดูแลที่เป็นสากล ทั้งช่วงตั้งครรภ์ คลอด และหลังคลอด”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image