Spotify เปิดตัวแคมเปญ “Love What You Love” ฉลองบริการ Spotify แบบไม่มีค่าใช้จ่ายรูปแบบใหม่ โดยการใช้บริการ Spotify แบบมีโฆษณา โดยไม่มีค่าใช้จ่ายรูปแบบใหม่ (All new free-tier) ซึ่งผู้ใช้บริการจะได้ฟังเพลงที่ชื่นชอบ พร้อมอิสระในการค้นพบเพลงใหม่ๆ มากขึ้น จึงขอเชิญชวนทุกคนให้มาร่วมแคมเปญ “Love What You Love” กับ Spotify ซึ่งทำแคมเปญนี้ขึ้น เหมือนเป็นการฉลองความเป็นภาษาสากลของเพลง ที่ยังคงไว้ซึ่งความหลากหลายของประสบการณ์ส่วนตัวที่เชื่อมโยงกับเพลงได้ต่างกัน ไปพร้อมกับเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมสนุกไปกับเพลงบน Spotify แบบไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย
ในส่วนของแคมเปญ “Love What You Love” นั้นได้ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาในหลายรูปแบบด้วยกัน ประกอบด้วยตัวอย่างภาพยนตร์สั้นๆ และวิดีโอโปรโมตแคมเปญ และเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องแคมเปญนี้ Spotify ได้ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์แบบสนุกๆ ออกมา
สำหรับจุดประสงค์หลักของแคมเปญนี้คือการเชิญชวนให้ทุกคนที่รักการฟังเพลงมาร่วมกันฟังเพลงที่รัก ไม่ว่าจะเป็นเพลง/เพลย์ลิสต์สไตล์ไหน หรือศิลปินคนใด Spotify ก็สามารถเป็นคลังเพลงที่หลากหลายให้ทุกคนเลือกสรรเพลงที่ชอบฟังได้
บริการแบบมีโฆษณา โดยไม่มีค่าใช้จ่ายรูปแบบใหม่ ถือเป็นก้าวสำคัญของ Spotify เนื่องจาก Spotify มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมและพัฒนาแพลตฟอร์มให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น บริการรูปแบบใหม่นี้จะใช้ได้กับทั้งระบบ Android และ iOS นอกจากนี้ยังมาพร้อมรูปลักษณ์และฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การฟังเพลงให้มีความเฉพาะเจาะจงและตรงกับรสนิยมของผู้ฟัง ณ ขณะนั้นมากขึ้น
ในส่วนของเพลย์ลิสต์ On-demand ทาง Spotify ต้องการให้ผู้ฟังทุกคนสามารถกำหนดประสบการณ์ในการฟังเพลงได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ค้นพบศิลปินใหม่ๆ หรือกลับไปฟังเพลงโปรดย้อนอดีตได้ตามต้องการ
โดยเพลย์ลิสต์ On-demand ใหม่ทั้ง 15 เพลย์ลิสต์ ที่คัดสรรโดย Spotify จะทำให้ผู้ฟังเลือกและเล่นเพลงที่ต้องการได้โดยไม่จำเป็นต้องกดข้ามหรือรอให้แอพพ์สุ่มเพลงที่ชอบมาให้ เพลย์ลิสต์ On-demand เหล่านี้จะถูกออกแบบมาเพื่อผู้ฟังแต่ละคนโดยเฉพาะ โดยอ้างอิงจากรสนิยมในการฟังเพลง นอกจากนี้ยังมีเพลย์ลิสต์เด็ดๆ ที่เรียบเรียงโดย Spotify อย่าง K-Pop Daeback / RapCaviar / Ultimate Indie และ Alternative R&B ส่วนเพลย์ลิสต์ที่สร้างมาเพื่อคุณอย่าง Discover Weekly, Release Radar และ Daily Mix ก็จัดอยู่ในหมวดเพลย์ลิสต์ On-demand เช่นกัน
นอกจากนี้ยังสามารถฟังเพลงต่างๆ ด้วยการใช้ปริมาณอินเตอร์เน็ตที่น้อยลงด้วยฟีเจอร์ Data Saver เนื่องจาก Spotify เล็งเห็นว่าทุกคนควรมีโอกาสที่จะได้เข้าถึงเพลงที่ชื่นชอบ และเพลงยังถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการเชื่อมต่อชุมชนและวัฒนธรรมทั่วโลกเข้าด้วยกัน อย่างไรก็ดี ผู้ใช้บริการ Spotify แบบมีโฆษณาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายทั่วโลกบางส่วนยังไม่สามารถฟังเพลงที่อยากฟังได้ตามต้องการ ด้วยเหตุผลทางด้านการใช้ปริมาณอินเตอร์เน็ตที่จำกัด
ดังนั้น Spotify จึงคิดค้นฟีเจอร์ Data Saver ขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ในการฟังเพลงให้ผู้ฟังมากขึ้นด้วย โดยใช้ปริมาณอินเตอร์เน็ตที่น้อยลง
