อัยการกรุงเทพใต้ ฟ้อง วีระ สมความคิด ร่วม MBK39 เเล้ว3ข้อหา ศาลให้ประกัน

อัยการกรุงเทพใต้ ฟ้อง วีระ สมความคิด ร่วม MBK39 เเล้ว3ข้อหา ยุยงปลุกปั่น-ชุมนุมเขตพระราชฐาน-ขัดคำสั่ง คสช.ศาลให้ประกันเข้าระบบประเมินความเสี่ยงไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ ส่วนพวกที่เหลืออีก 8คน อัยการนัดฟ้อง 1 พ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ได้นำตัว นายวีระ สมความคิด นักกิจกรรมทางสังคม หนึ่งในเเกนนำผู้ต้องหาคดีชุมนุมเรียกร้องการเลือกตั้งที่สกายวอล์กแยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา หรือ MBK39 มายื่นฟ้องต่อศาลในความผิดฐาน ฝ่าฝืนคำสั่ง หัวหน้า คสช. ที่ 3/58 ข้อ 12, ข้อหาชุมนุมภายในรัศมี 150 เมตร จากเขตพระราชฐาน ตามมาตรา 7 พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ และข้อหายุยงปลุกปั่น ตามมาตรา 116 ประมวลกฎหมายอาญา รวม 3 ข้อหา

โดยคำฟ้องบรรยายพฤติการณ์สรุปว่าในเหตุการณ์วันดังกล่าว ผู้ต้องหาพร้อมกับพวกอีกหลายคน มีการเสวนาที่สวนครูองุ่น ในซอยทองหล่อ ในการเสวนาดังกล่าวมีการกล่าวถึงการชุมนุมที่สกายวอล์คหน้า หน้ามาบุญครอง หรือ MBK หลังเสวนาผู้ต้องหาได้เดินทางไปรวมชุมนุมด้วย ซึ่งบริเวณที่ชุมนุมดังกล่าวอยู่ห่างจากวังสระปทุม 148.53 ม. ระหว่างชุมนุมได้มีการผลัดกันปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลและคสช. ว่ามีการทุจริตใช้อำนาจไม่เป็นธรรม และเรื่องการเลื่อนเลือกตั้ง รวมถึงมีการชักชวนให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมโค่นล้มรัฐบาลและ คสช. โดยนายวีระ กับพวกที่ยังไม่ได้ถูกนำตัวมาฟ้องได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนพร้อมแสดงป้าย “หมดเวลา คสช.”

โดยนายวีระ กล่าวภายหลังได้รับการปล่อยชั่วคราวจากศาลว่า เดิมคดีนี้ต้องใช้หลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราว จำนวน 120,000 บาท แต่ตนได้ให้ทนายความยื่นเรื่องขอชั่วคราวโดยไม่ใช้หลักทรัพย์เพียงสาบานตน ซึ่งศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้โดยต้องใช้ระบบประเมินความเสี่ยง จึงได้รับการปล่อยชั่วคราว

Advertisement

เมื่อถามว่า จากนี้จะเป็นบรรทัดฐานหรือไม่ว่า คดีของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งจะไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัว นายวีระกล่าวว่า น่าจะเป็นกรณี ๆ ไป ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล อย่าพึ่งไปเข้าใจว่าเป็นบรรทัดฐาน

นายวีระกล่าวว่า คดีนี้ตนถูกแจ้งข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่นเพิ่มเติมทีหลังคนอื่น ๆ ในวันดังกล่าวตนได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มาขอสัมภาษณ์เท่านั้นไม่ได้ร่วมขึ้นปราศรัยแต่อย่างใด และอยู่ในบริเวณนั้นเพียงครู่เดียวเท่านั้น ยังโดนคดีไปด้วย ที่โดนคงเป็นข้อหาหมั่นไส้ จากการที่ตนเป็นผู้ที่ตรวจสอบการทุจริตของบรรดาผู้นำใน คสช. รวมถึงในวันดังกล่าว ตนไปร่วมเป็นวิทยากรในงานเสวนา เรื่องนาฬิกา 25 เรือน ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รวมถึงยังเป็นคนยื่นเรื่อง นาฬิกานี้ต่อ ป.ป.ช. ทำให้ตนคิดว่า สิ่งที่ทำให้ตนโดนคดีนี้ มาจากเรื่องนาฬิกา ซึ่งขณะนี้เรื่องนาฬิกา พล.อ.ประวิตร นั้นตนก็ยังตามอยู่ตลอด มีหลักฐานอะไรเพิ่มเติมก็จะนำไปยื่นเพิ่มอยู่ตลอด ก็ยังคงไม่มีความคืบหน้า ซึ่ง ป.ป.ช.ก็ยังคงยืนยันว่ายังตรวจสอบไม่เสร็จสิ้น ไม่รู้จะตรวจสอบไปอีกนานเท่าไร

นายวีระ กล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องนี้ยังมีคดีที่ตนยื่นฟ้อง ต่อ ป.ป.ช. ซึ่งคดีล่าสุดใช้เวลาสอบสวน 12 ปี คดีก่อนหน้านี้ 14 ปี แต่ในที่สุดก็บอกว่าทำอะไรไม่ได้

Advertisement

เมื่อถามว่าคาดหวังอย่างไรต่อการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ในเรื่องนาฬิกาพล.อ.ประวิตร นายวีระกล่าวว่าไม่อยากชี้โพรงให้กระรอก ไม่พูดดีกว่า รอ มีมาตรการไม่ให้ลอยนวลอย่างแน่นอน โดยยังไม่มั่นใจว่าในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 จะได้เลือกตั้ง แต่เป็นเรื่องที่ดีแล้ว ที่กลุ่ม FFFE จะมาช่วยกันจับตาดูการเลือกตั้ง ถ้าหากจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริง ๆ ก็ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการทุจริตกันอย่างมากมายเลยทีเดียว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายวีระ นั้นเป็นผู้ต้องหาเป็นคนแรก ในคดีการชุมนุมกลุ่ม MBK39 ที่พนักงานอัยการฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนผู้ต้องหาอีก 8 คนที่เหลือประกอบด้วย นาย รังสิมันต์ โรม, สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, อานนท์ นำภา, เอกชัย หงส์กังวาน, สุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ, เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล, ณัฏฐา มหัทธนา, สมบัติ บุญงามอนงค์ ทางพนักงานอัยการได้นัดส่วตัวฟ้องในวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image