น.1รอ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ไฟเขียวรื้อรถก่อนเข้าตรวจสอบ คาด.38 หรือ 9 มม.ยิง

เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยถึงกรณีคนร้ายสองคนใช้อาวุธปืนลอบยิงรถยนต์ส่วนตัวของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีต ผบช.สตม. เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านนวดแห่งหนึ่งบนถนนสุรวงศ์ พื้นที่รับผิดชอบของ สน.บางรัก ว่า ประเด็นการตรวจสอบพยานหลักฐาน ด้านการตรวจสอบทางเทคนิคต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากรถยนต์เป็นรถที่มีราคาแพง การจะรื้อรถตรวจสอบหาหัวกระสุน ที่อยู่ในรถจำนวน 6 หัว เกรงว่าจะทำให้ทรัพย์สินซึ่งเป็นรถราคาแพงเสียหายได้ โดยในวันนี้ที่จะมีการสอบปากคำผู้เสียหายคือ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ โดยจะมีการสอบถาม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ในประเด็นนี้ด้วยว่า จะอนุญาตให้รื้อรถยนต์โดยช่างหรือเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้หรือไม่ ทั้งนี้หากได้หัวกระสุนเพิ่มเติมจะช่วยในเรื่องการตรวจสอบเปรียบเทียบให้สิ้นสงสัย ว่าหัวกระสุนตรงกับการก่อคดีอะไรหรือไม่ และจะได้ยืนยันว่ากระสุนที่ถูกใช้ในการก่อเหตุเป็นขนาดใด เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นกระสุนขนาด .38 หรือ ขนาด 9 มม. ขณะนี้ทางชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์หาตัวผู้ก่อเหตุว่าเป็นบุคคลใด ส่วนสาเหตุยังไม่ได้มีการตัดประเด็นใดทิ้ง ต้องพิสูจน์ทราบในทุกเรื่อง แม้ว่าทาง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์จะเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องไบโอแมทริก สำหรับลักษณะในการก่อเหตุคนยิงรู้อยู่แล้วว่าในรถไม่มีคน จึงไม่น่าจะประสงค์ต่อชีวิต ทั้งนี้ทาง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ยังไม่มีการร้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปคุ้มกันแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังไม่รู้วัตถุประสงค์ในการก่อเหตุครั้งนี้ จะต้องจับตัวคนร้ายให้ได้ก่อน จึงจะทราบว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ซึ่งชุดสืบสวนสอบสวนอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง พล.ต.ท.ภัคพงศ์เปิดเผยต่อว่า ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น. เป็นหัวหน้าชุดสืบสวน โดยได้มีการแบ่งงานกันทำ โดยให้ทางตำรวจสืบสวนบก.น.6 รับผิดชอบตรวจสอบก่อนเกิดเหตุ ส่วน สน.บางรัก รับผิดชอบขณะเกิดเหตุ และทาง บก.สส.บช.น. รับผิดชอบตรวจสอบหลังเกิดเหตุ ส่วนการสอบสวนมี พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น. เป็นผู้ดูแล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนระดับ บก. ได้มอบหมายให้ทาง สน.บางรักเป็นผู้ดำเนินการ ทาง พล.ต.ต.สุคุณเป็นผู้ควบคุมในภาพรวมของการสอบสวน ทั้งนี้หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความยุ่งยากซับซ้อนจึงจะตั้งพนักงานสอบสวน รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับปลอกกระสุนปืนที่หายไป ไม่พบในที่เกิดเหตุนั้น มีความเป็นไปได้ว่าอาวุธปืนที่ใช้อาจเป็นอาวุธปืนรีวอลเวอร์ หรือออโตเมติก ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีที่มีขีดความสามารถเก็บปลอกกระสุนได้ กลุ่มมือปืนใช้เยอะจะทราบว่ามีถุงเก็บปลอก เวลายิงปลอกกระสุนจะกระเด็นเข้าไปในถุง จึงทำให้ในที่เกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุนปืน แต่ทั้งนี้คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธปืนขนาด .38 หรือ ขนาด 9 มม. เนื่องจากทั้งสองขนาดมีหัวกระสุนเท่ากัน อย่างไรก็ตาม หัวกระสุน 2 หัวที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุนั้นยังมีสภาพบิดเบี้ยว จึงจำเป็นต้องหาหัวกระสุนที่ตกอยู่ในรถอีก 6 หัว มาตรวจสอบเปรียบเทียบกับ 2 หัวกระสุนที่พบ เพื่อยืนยันขนาดกระสุนที่ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้แม่นยำและสามารถชี้ได้ว่าใช้อาวุธปืนอะไรในการก่อเหตุ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image