ยกระดับคุ้มครองผู้พิพากษา“ไสลเกษ”เสนอทำโครงการนำร่อง ติดวงจรปิดบ้านพักผู้พิพากษากลุ่มเสี่ยง

ยกระดับคุ้มครองผู้พิพากษา“ไสลเกษ”เสนอโครงการนำร่อง ติดวงจรปิดบ้านพักผู้พิพากษากลุ่มเสี่ยง หลังมีคนเเปลกหน้าด้อมๆมองๆบ้าน ลั่นไม่มีใครมาขู่ศาลได้ในยุคนี้

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้พิพากษาศาลยุติธรรมในพื้นที่ภาค 8 ได้มีข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยจากกรณีที่มีเหตุความไม่ปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินในการทำหน้าที่พิจารณาคดีในส่วนของบ้านพักข้าราชการตุลาการเท่าที่ควร ซึ่งก่อนหน้านี้มีการจัดสรร รปภ.ไปรักษาความปลอดภัย เเต่มาช่วง1-2ปีหลังนั้นปรากฎว่ามีการตัดงบส่วนนี้ออกไป ซึ่งสร้างกังวลเนื่องจากปรากฎว่าเคยมีคนเเปลกหน้าเข้าไปในบริเวณที่พักดังกล่าว จึงเสนอควรติดกล้องวงจรปิดหรือสัญญาณกันขโมย ว่า เห็นด้วยในเรื่องกล้องวงจรปิดเเต่ถ้าเป็นในเรื่องงบประมาณที่ได้สนับสนุนมายังไม่เพียงพอจะเสนอให้ทำเป็นโครงการนำร่อง เเล้วค่อยขยายผลไปเรื่อยๆ เราควรจะเริ่มต้นติดตั้ง ปีนี้ทำได้เท่าไหร่ให้ทำไปก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยเริ่มทำโครงการระยะยาวให้ทั่วถึง อย่างน้อยสุดตอนนี้ก็ต้องสร้างความมั่นใจ เพราะเวลาคนร้ายจะลงมือจะไม่มาครั้งเดียวเเล้วลงมือ คนร้ายจะมาดูสถานที่ก่อน เเต่ถ้ามีกล้องวงจรปิด เเม้คนร้ายจะทำการบ้าน เเต่เราก็ได้ทำการบ้านเเละมีโอกาสตรวจพบร่องรอย เเละระมัดระวังมากขึ้น ขอเสนอไปยังสำนักงานศาลยุติธรรมให้ช่วยทำโครงการนำร่อง ปีนี้ทำได้เเค่ไหนให้เริ่มลงมือทำไปก่อนอาจจะเลือกศาลที่มีความเสี่ยงสูง เพราะเดี๋ยวนี้เหตุความรุนเเรงไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะข้างนอกอีกเเล้วเเต่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเอง ซึ่งเป็นผู้พิพากษาที่มีหน้าที่ตัดสินคดีสร้างความยุติธรรมให้กับประชาชนด้วยสันติวิธี

“สถานการณ์ต่างๆที่เป็นภัยคุกคามการใช้อำนาจของผู้พิพากษาในกรณีที่ทำหน้าที่พิจารณาคดี บอกให้รู้ว่าเราต้องทำงานอย่างมืออาชีพ เเละเป็นหนึ่งเดียวกัน ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ใครก็ตามที่มาขู่ศาลภายใต้การกำกับดูเเลของตนจะทำไม่ได้ เพราะถ้าเมื่อไหร่ผู้พิพากษาเกิดความหวาดกลัวหวั่นไหวต่อการทำหน้าที่ เราจะอยู่ไม่ได้ เราต้องทำงานด้วยความกล้าหาญ ระบบเราต้องอำนวยให้เกิดความปลอดภัยกับพวกเรา ผมขอให้ความมั่นใจ”ประธานศาลฎีกากล่าว

นายภพ เอครพานิช

นายภพ เอครพานิช รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีงบประมาณการรักษาความปลอดภัยว่าที่ผ่านมาสำหรับงบประมาณในการจ้าง รปภ.จากองค์การทหารผ่านศึกมาดูเเลรักษาความปลอดภัยที่เปิดศาลก็จะเน้นในส่วนอาคารศาล เเต่ในช่วงปีงบประมาณที่ผ่านมาทางสำนักงานศาลยุติธรรมโดยดำริของนายไสลเกษ ประธานศาลฎีกาก็เน้นในเรื่องรักษาความปลอดภัยก็มีการเเปรญัติติเพิ่มเติมก็ได้รับงบประมาณเพิ่มเติมในส่วน รปภ.มาบางส่วนเเต่ก็ต้องมาจัดสรรด้วย ในเรื่องระบบกล้องวงจรปิดที่ขอเเปรญัติมา900ล้าน[kmจะมีทั้งเรื่อง รปภ.เเละกล้องวงจรปิด เเต่ส่วนนี้ยังไปไม่ถึงบ้านพักผู้พิพากษาเนื่องจากฝ่ายรัฐบาลหรือสำนักงบประมาณมีการมองว่าให้จัดเน้นไปที่อาคารสถานที่ศาลก่อน ซึ่งพยายามอธิบายในเรื่องความปลอดภัยของผู้พิพากษาไป อีกทั้งในส่วนงบฯที่เเปรญัติติมาก็จะต้องถูกนำไปใช้ในเรื่องอัตรากำลังเจ้าพนักงานตำรวจศาลที่ตอนนี้มี35 คน เเต่ในวันที่ 1 เมษายนนี้จะต้องมีรับโอนเพิ่มอีก63คน ซึ่งความหมายคือที่จะต้องรับโอนมา เเละยังมีเรื่องบรรจุใหม่ อีก209อัตราก็จะต้องมีเรื่องการฝึกอบรมเข้ามาอีก เเต่หากเมื่อมีการฝึกอบรมเสร็จก็จะมีการกระจายกำลังไปไว้ตามภาค ตรงนี้เจ้าพนักงานตำรวจศาลจะเป็นหน่วยงานสนับสนุนหรือดูเเลเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่า รปภ.เดิมได้เพราะเจ้าพนักงานตำรวจศาลอาจจะไปนั่งเป็นหัวหน้าทีมเเต่ละภาคหรือเรียกว่าเข้าไปดูเเลในระบบ

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image