คุม 3 ผู้ชุมนุม ผู้โดน ตร.รวบ เหตุชุลมุนหน้าสถานทูตเมียนมา ฝากขังศาล ไม่ค้านประกัน

คุม 3 มวลชนโดน ตร.รวบ เหตุชุลมุนหน้าสถานทูตเมียนมา ฝากขังศาล ไม่ค้านประกัน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ สน.ยานนาวา มวลชนมารอให้กำลังใจนายวิชพรรษ ศรีกสิพันธุ์ อายุ 21 ปี, นายปัณณพัทธ์ จันทนางกูล อายุ 20 ปี และนายเกียรติศักดิ์ พันธุ์เรณู อายุ 20 ปี ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมจากกรณีเกิดเหตุชุลมุนกลางถนนสาทร หลัง กลุ่มวีโว่ ร่วมชุมนุมต้านการรัฐประหารในประเทศเมียนมา ที่หน้าสถานทูตเมียนมาในประเทศไทย จนมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 14 นาย

อ่านข่าว : สรุปเหตุม็อบสถานทูตเมียนมา จับ 3 ผู้ชุมนุม ตร.เจ็บ 14 นาย พร้อมยึดรถเครื่องเสียง
ด่วน! ชุลมุนหน้าสถานทูตเมียนมา ตร.กระชับพื้นที่ เสียงปัง! คล้ายระเบิดถี่ มีผู้บาดเจ็บ

ขณะที่ตำรวจ สน.ยานนาวา ได้ประสานตำรวจควบคุมฝูงชน ตั้งแผงรั้วเหล็กรอบบริเวณโรงพัก เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย โดยรวมยังไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ

Advertisement

พ.ต.อ.ธนโชติ ฤกษ์ดี ผกก.สน.ยานนาวา กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้ควบคุม นายปัณณพัทธ์ และนายเกียรติศักดิ์ ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้พิจารณารับฝากขังตัวชั่วคราวแล้ว ในความผิดฐาน ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.ควบคุมโรค และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยไม่ได้คัดค้านการประกันตัวแต่อย่างใด

พ.ต.อ.ธนโชติกล่าวว่า ส่วน นายวิชพรรษ ได้ส่งฝากขังต่อศาลแขวงพระนครใต้ ในความผิดที่เกี่ยวกับการใช้เครื่องขยายเสียง แต่เนื่องจากศาลมีมาตรการคุมเข้มป้องกันโควิด-19 จึงใช้วิธีการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จาก สน.ยานนาวา กับศาลแทน

พ.ต.อ.ธนโชติกล่าวว่า ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งหมดยังไม่ขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวน จะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น ส่วนจะมีผู้ร่วมกระทำผิดอีกหรือไม่ ฝ่ายสืบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม หากพบว่ามีผู้ใดเข้าข่ายกระทำผิดชัดเจน ก็จะออกหมายจับต่อไป

Advertisement

ต่อมาที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ซ.เจริญกรุง 63 พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ได้นำตัวนายปัณณพัทธ์  และนายเกียรติศักดิ์  ผู้ต้องหาชุมนุมกลางถนนสาทร หลังกลุ่มการ์ดวีโว่ร่วมชุมนุมต้านการรัฐประหารในประเทศเมียนมา ที่หน้าสถานทูตเมียนมาร์ในประเทศไทย มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 2 – 13 ก.พ. เนื่องจากยังต้องสอบพยานอีก 5 ปากและรอผลการตรวจสอบพิมพ์มือผู้ต้องหา

คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุป ว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ. สืบเนื่องจากประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร ต่อมาเวลา 14.45 น.ของวันเดียวกัน ประชาชนชาวเมียนมาที่อยู่ในประเทศไทยเกิดความไม่พอใจจึงได้ออกมารวมตัวกันที่หน้าสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก เพื่อต่อต้านการรัฐประหาร ต่อมาได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 50-60 คน ได้มาชุมนุมเรียกร้องและต่อต้านการรัฐประหารในประเทศเมียนมา ทำการปราศรัยอยู่ที่บริเวณหน้าสถานทูตเมียนมา เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้าไปทำการดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ชุมนุมและบริเวณใกล้เคียง ต่อมาผกก.สน.ยานนาวาได้ประกาศแจ้งเตือนให้ นายวิชพรรษ ศรีกสิพันธ์ุ ผู้ถูกจับที่ 1(ส่งศาลแขวงกรุงเทพใต้) นายปัณณพัทธ์ และนายเกียรติศักดิ์ รวมทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมคนอื่นให้เลิกตามเวลาที่กำหนด ปรากฏว่าผู้ต้องหากับกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่าฝืนไม่ยอมเลิกการชุมนุมในเวลาที่กำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจึงได้ทำการกระชับพื้นที่ผลักดันให้กลุ่มผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุม กระทั่งเวลา 17.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังกระชับพื้นที่กลุ่มผู้ชุมนุม นายปัณณพัทธ์ และนายเกียรติศักดิ์ ได้ร่วมกันขว้างปาก้อนอิฐ ก้อนหิน ประทัดลูกบอล ควันและพลุสีเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน

หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 30 คนรวมทั้งนายปัณณพัทธ์ และนายเกียรติศักดิ์ ยังได้เข้าร่วมใช้กำลังกับตำรวจที่ทำการปฏิบัติหน้าที่ด้วยการขว้างปาขวดน้ำ กรวยยาง หิน ก้อนอิฐใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน และยังใช้ท่อนเหล็กทุบตีแผงโล้ควบคุมฝูงชนจนได้รับความเสียหาย นอกจากนั้นมีการใช้ท่อนเหล็ก ดิ้ว ตีและใช้แผงเหล็กทุ่มใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน การกระทำดังกล่าว เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้รับบาดเจ็บแก่กายจำนวน 14 คนจึงทำการจับกุม ผู้ต้องหาที่ 1 ถึง 3 และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวาให้ดำเนินคดี โดยพนักงานสอบสวนได้แยกดำเนิน นายวิชพรรษ ศรีกสิพันธ์ุ ไปที่ศาลแขวง ฯ

โดยกล่าวหาว่า “ มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายในบ้านเมืองโดยผู้กระทำผิดคนใดคนหนึ่งมีอาวุธ, ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีหรือใช้อาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ,ร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 9 (2)

ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุว่า หากมีการยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหาพนักงานสอบสวนขอค้านการประกันเนื่องจากผู้ต้องหามีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่งหากให้ประกันตัวเชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะหลบหนี

ศาลได้พิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ เบื้องต้นยังไม่ปรากฎว่ามีญาติหรือทนายของผู้ต้องหามายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว

 

ต่อมาที่ศาลแขวงพระนครใต้ซ.เจริญกรุง 63 พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ได้นำตัว นายวิชพรรษ
ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม จากกรณีเกิดเหตุชุลมุนกลางถนนสาทร หลังกลุ่มการ์ดวีโว่ร่วมชุมนุมต้านการรัฐประหารในประเทศเมียนมาร์ ที่หน้าสถานทูตเมียนมาร์ในประเทศไทย จนมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 14 นาย มาผัดฟ้องฝากขังครั้งแรก 6 วันเนื่องจากต้องสอบพยานอีก 5 ปาก ทำความผิดฐาน“ ร่วมกันฝ่าฝืนพ. ร. ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 9(2) โดยร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย, ร่วมกันกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไปฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ”

ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ศาลได้พิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ผัดฟ้อง ฝากขังได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาญาติหรือทนายของผู้ต้องหามายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลจึงอนุญาตให้ใช้วิธีสาบานตน ก่อนปล่อยตัวออกไป โดยไม่ต้องเงินหรือใช้ตำแหน่งใดๆประกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image